ผู้ถาม : เมื่อคืนเดินตั้งแต่ตีสองครึ่ง เกือบ ๆ หกโมง ก็ง่วงมาก ใจมันพาหยุดอีกแล้วค่ะ ทำไมใจมันไม่ทนเลย ทำไมมันขี้เกียจ ขี้เกียจแล้วจะต้องทนอยู่กับความเข้าใจผิดไปอีกเนิ่นนานเท่าความขี้เกียจ ขนาดรู้งี้ก็ยังไปนอนนะเจ้าคะ พอนอนอุ่น ๆ แล้วก็รู้เลยว่า ความขี้เกียจนี่มันสบาย เลยติดความขี้เกียจมานาน แต่รอบนี้ไม่มีอสุภะอะไรเลย ตอนเดิน ๆ ในห้อง มันเห็นเงาตัวเอง และเห็นตัวเองในกระจก ก็รู้เลยว่าของจริงเดินอยู่นี่ แต่ในเงากับกระจกนั่นเป็นแสงสี ที่ถูกตีความตามทีหลังว่าน่ากลัวเหมือนผี ก็คิดทำไมมีความกลัวขึ้นมา ทั้งที่รู้ว่าของปลอม คือความเข้าใจเดิม ๆ มันฝังลึกมาก แม้ว่าจะเข้าใจใหม่แล้วว่าของปลอม แต่มันก็จะมีอีกมากมายหลายมุมที่ต้องเพียรเห็น ตามความเข้าใจที่ถูกไปอีกเรื่อย ๆ ใช่มั้ยเจ้าคะ
หนูไม่อยากนอนอีกแล้วอ่า
หลวงตา : เราทุกคนใช้เวลากับการนอนโดยขาดสติ สัมปชัญญะมาแล้วครึ่งชีวิต ในขณะที่กาลเวลากลืนกินอายุขัยให้สิ้นไปตลอดเวลา ไม่มีเวลาหยุดพัก ต่อไปก็จะต้องนอนยาวไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เพราะฉะนั้น จงอย่ามัวประมาทอยู่ คนที่มัวประมาทอยู่ได้ชื่อว่าคนที่ตายแล้วจากความดี ความเจริญ
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565