ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา
เมื่อวานฟังไฟล์กบในกะลาของหมอกอล์ฟอีกรอบ มันโดนตรงที่หลวงตาบอกว่า ความอยากมันเหมือนเสี้ยนแทงใจ ลูกรู้สึกว่า ใช่เลยเจ้าค่ะ
ถ้ายังมีความอยาก ความยึดถือในสิ่งใดอยู่ จะโลกก็ตาม จะธรรมก็ตาม มันก็เหมือนเสี้ยน มันไม่เอาออกมันก็ต้องเจอแบบนี้ ใครที่มีจิตรู้จิตเห็นเช็คตรวจสอบได้หมด ว่าเราไปทำอะไรมา เพราะว่ามันปรากฏร่องรอยให้ตรวจสอบได้ใช่ไหมเจ้าคะ เพราะในขณะจิตนั้น มันไม่สิ้นตัวตน
แล้วก็ฟังที่หลวงตาบอกว่า สัญญาณชีพต่างๆ ของร่างกาย หมอเค้าเอาเครื่องมือมาตรวจวัดได้ เพราะมันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของคลื่นพลังงาน มันก็เห็นว่า ความคิดต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น หมอเขาเอาที่วัดมาติดเป็นคลื่นไฟฟ้าสมอง แสดงความเคลื่อนไหวได้เหมือนกัน
เลยถึงใจว่า สรรพสิ่งที่คิดขึ้นมาเป็นเรื่องราวนั้น ไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ มีแค่คลื่น
มันก็สำนึกว่า ตัวเองก็เป็นหมอ อยู่กับสิ่งเหล่านี้มาตลอด ความจริงต่างๆ มันตำตาตำใจ แต่เราไม่เคยรู้ความจริงนี้เลย เหมือนกับ เราอยู่บนโลกที่มันกลม แต่เราไม่เคยรู้ว่าที่แท้แล้ว โลกมันกลมเจ้าค่ะ
พ้นจากความคิด พ้นจากพลังงานที่คิดเป็นตัวเรา ของเราขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่พบว่าตัวเราจะอยู่ที่ไหนได้อีก หาตัวเราไม่เจอเจ้าค่ะ ใจมันเป็นยิ่งกว่าความสงบ เพราะมันเหมือนกับใจมันหายไปเลยเจ้าค่ะ
ผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด ขอหลวงตาโปรดเมตตาแก้ไขด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ธาตุรู้แท้ตามธรรมชาติ จิตเดิมแท้ (ฐีติภูตัง) หรือ ใจบริสุทธิ์ เป็นธรรมชาติที่ว่างเปล่าจากสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
ว่างเปล่า จากรูปลักษณ์
ว่างเปล่า จากรูปนาม มันจึงไม่มีความรู้สึกเป็นสุข ผ่องใส หรือ ความรู้สึกเป็นทุกข์ เศร้าหมอง และมันไม่ใช่ความรู้สึกว่าง หรือ อารมณ์ว่างที่ถูกรู้
ว่างเปล่า จากสสาร พลังงาน
ว่างเปล่า จากความสว่างและความมืด ซึ่งความสว่าง และ ความมืดสลับหน้ากันเกิดดับในความว่าง
ว่างเปล่า จากความคิด ความปรุงแต่งทั้งหมด จึงไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการตั้งนิ่งหยุดอยู่
มันไม่ใช่ความว่างของอากาศ ไม่ใช่ความว่างของอรูปฌาน
“จิตเดิมแท้ (ฐีติภูตัง)” เป็นความสงบ เงียบ สงัด ว่างเปล่าเป็นหนึ่งเดียวกับความเงียบ สงบ ว่างเปล่าในธรรมชาติอันไม่มีขอบเขต โดยไม่มีความรู้สึกว่ามีอะไรมาแบ่งแยกภายในกับภายนอกออกจากกัน
มันเป็นสงบ เงียบ สงัด ว่างเปล่าที่เป็นความบริสุทธิ์สมบูรณ์ของธรรมชาติที่เป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีสิ่งใดจะทำให้เกิดขึ้น หรือ ดลบันดาลให้เป็นอย่างนั้นได้
ไม่มีการเกิด ดับ และ ไม่อาจถูกทำลายให้หายไป จึงเป็นอมตะธาตุ หรือ อมตะธรรม
***** จะพบจิตเดิมแท้หรือใจบริสุทธิ์ได้ มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น ต้องสิ้นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เท่านั้น
ถ้าสิ้น “อวิชชา” ซึ่งเป็นความไม่รู้แจ้งสัจธรรมความจริง จึงหลงยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเราเป็นของเรา ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดจากความจริงของธรรมชาติ ว่า “สิ่งใดเกิด (สังขาร) สิ่งนั้นดับ สิ่งใดไม่เกิด สิ่งนั้นไม่ดับ และ สิ่งเกิดดับ ย่อมเกิดดับในธรรมชาติไม่เกิดดับ”
“ธรรมชาติไม่เกิดดับ” มีเพียงสิ่งเดียว (เอโกธัมโม) คือ จิตเดิมแท้หรือใจบริสุทธิ์
ดังนั้นเมื่อสิ้นหลงสังขาร คือ สิ้นหลงเอาสังขารความคิดปรุงแต่ง มาปรุงแต่งยึดมั่นเป็นตัวเรา เป็นของเรา ก็จะไม่มีตัวเราหลงยึดมั่นสังขาร และ วิสังขาร ซึ่งเป็นจิตเดิมแท้หรือใจบริสุทธิ์
จะมี “อาสวะขยะญาณ” รู้แก่ใจว่า สิ้น “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน” เป็นจิตเดิมแท้หรือใจบริสุทธิ์อย่างเป็นอมตะตลอดไป
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้.
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564