ผู้ถาม : ขอนอบน้อมกราบองค์หลวงตาที่เคารพบูชายิ่งเจ้าค่ะ กราบขอโอกาสส่งธรรมยาวๆ สักหน่อยนะเจ้าคะวันนี้
สองสามวันที่ผ่านมานี้ไม่รู้เป็นอะไรเจ้าค่ะหลวงตา อยู่ดีๆ เจอสภาวะหลง หรืออาจจะเป็นการทดสอบให้สติปัญญาได้เรียนรู้ธรรม... เจ้าคะ?
มันหลงมาก หลงไปหมด และขณะที่หลงมันเหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีช่องว่างระหว่างใจ… กับความปรุงแต่งเลยค่ะ
ความทุกข์แสดงออกทางกาย ปวดหัว... ตามัวมากๆ แต่ใจกลับไม่ทุกข์ (สังเกต) แปลกๆ เจ้าค่ะ เวลาหลับตาลงเหมือนตาข้างในแข็งไม่หลับเลยค่ะหลวงตา บางครั้งก็มีความดิ้นรนอยากออกจากมัน... แต่เพราะมีความเข้าใจในธรรมเป็นพื้นที่ใจ หรือไม่ไม่รู้ค่ะ สติปัญญามันก็จะทันเองเจ้าค่ะ
หนูก็เพียรปฏิบัติเป็นปกติเหมือนเดิม บอกแค่ใจว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง มันหลงเดี๋ยวมันก็หายหลงเองแหละ สร้างเหตุไปเจ้าค่ะ
เช้านี้ก็นั่งเจริญสติ... ทำพลังลมปราณปกติแต่ทำเพิ่มขึ้นหลายรอบเจ้าค่ะ จากที่ตัวเย็นๆ (23 องศา) เหงื่อออกตัวร้อนเลยค่ะหลวงตา
และใจก็สงบ... รู้เห็นทุกอย่างที่เคลื่อนไหวตามความเป็นจริงเองเลยค่ะ ขณะที่ใจสงบ... เหมือนทุกอย่างมันชัดเจน สังขาร วิสังขารแยกส่วนกันแต่รู้กัน มันไม่ติดไม่ยึดกันเหมือนตอนหลงเจ้าค่ะ
วันนี้เข้าใจที่องค์หลวงตาเปรียบเรื่อง... ยืนมองรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงเจ้าค่ะ หากใจไม่สงบ… มันจะไหลไปตามรถไฟ... แต่ขณะใดที่ใจสงบ... มันจะมองเห็นความเร็วของรถไฟที่วิ่งผ่านไป แต่ใจ… ไม่ไหลตามขบวนรถไฟเจ้าค่ะ (ผ่านมาผ่านไปให้ใจ... ได้รับรู้) เจ้าค่ะ
กราบขอโอกาสองค์เมตตาหากผิดในธรรมเจ้าค่ะ
น้อมกราบเจ้าค่ะ
หลวงตา : ที่มีสภาวะเป็นเช่นนั้น เพราะหลงยึดมั่น “ผู้รู้” คือ หลงยึดมั่นว่าเราเป็นผู้รู้ รวมทั้งเป็นผู้เห็น เป็นผู้เข้าใจ เป็นผู้รู้แจ้ง
ปล่อยวาง “ผู้รู้”
จึงสิ้นมีตัวตนของผู้หลง หรือ มีตัวตนของผู้ไม่หลง
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564