ผู้ถาม : กราบส่งการบ้านธรรมหลวงตาเจ้าค่ะ กราบเรียนถามหลวงตาเจ้าค่ะ ต้องสิ้นอวิชชาก่อนหรือเจ้าคะ
ในขณะจิตที่รู้แจ้งแก่ใจ ก็ไม่ได้ยึดตัวตน แต่ไม่ได้สิ้นอวิชชา (ถาวร) ใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงตา : ใช่แล้ว เพราะ "อวิชชา" ความไม่รู้ความจริง (สัจธรรม) มีมาตั้งแต่จิตหรือวิญญาณดั้งเดิม
ครั้นวิญญาณหรือจิตอวิชชานั้น มาผสมกับธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ เป็นขันธ์ห้าขึ้นมา จึงเป็นขันธ์ห้าที่มีจิตหรือวิญญาณอวิชชาผสมอยู่ จึงหลงเอาขันธ์ห้าไปยึดคนและสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นทุกข์
เมื่อจิตหรือวิญญาณธาตุสิ้น "อวิชชา" ก็เป็นจิตหรือวิญญาณธาตุแท้ เป็นวิสังขารธาตุ อสังขตธาตุ สุญญตาธาตุ อมตธาตุ ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่ปรากฏการเกิดดับ
หลังจากนั้น ขันธ์ห้าจะแสดงพฤติกรรมยึดถือให้เป็นกิเลสและความทุกข์ไม่ได้
ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ ที่หนูเข้าใจ คือ ความจริงแล้วขันธ์ห้าเขายึดตัวเองไม่ได้ และเอาตัวเองไปยึด (สิ่งอื่น) ก็ไม่ได้... ปล่อยวางก็ไม่ได้
เพราะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไม่ว่าจะมีตัวตนไปยึดหรือไม่ก็ตาม ขันธ์ห้าเขาก็เป็นอย่างนี้
หลวงตา : ต้องเป็นขันธ์ห้า ที่ธาตุรู้สิ้นอวิชชา
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงตาเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ
หลงโง่เจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564