ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ โยมจะเพียรพิจารณาว่าสังขารที่เกิดดับ ๆๆๆ นั้นไม่มีตัวเราอยู่ในนั้นเลย ปล่อยให้เขาทำงานของเขาไป โดยไม่มีเราเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยเลย เพื่อความปล่อยวางค่ะ
หลวงตา : ระวังนะ เพื่อความปล่อยวาง แต่หมายยึดถือความว่างเปล่าไว้ในใจ
ไม่ใช่ปล่อยวาง เพื่อความว่างเปล่า นะ
ถ้าหมายไว้เพื่อความว่างเปล่า แสดงว่ามีตัวตนของเรา มีความดิ้นรนทะยานอยากจะไปเอา หรือไปถึงความว่างเปล่า
มันเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
ที่ถูกต้อง เพื่อความรู้แจ้งสัจธรรมความจริงของธรรมชาติ ว่า
“สังขาร” - คือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยเฉพาะขันธ์ห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีความปรุงแต่งเกิดขึ้นมา ย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา หรือ สังขารเกิดดับในธรรมชาติที่ไม่เกิดดับ (วิสังขาร)
สังขาร ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ คือ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เป็นเรา เป็นตัวเรา
เป็นตัวตนของเรา อย่าหลงยึดมั่นถือมั่นว่า เป็นตัวเป็นตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
“ธาตุรู้บริสุทธิ์” - เป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง (วิสังขาร) ไม่เกิดดับ
ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่มีที่หมาย
ไม่ใช่ขันธ์ห้า
ไม่ใช่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ
ไม่ใช่อรูปฌาน และ ไม่ใช่ความรู้สึกว่าง (ความรู้สึกว่างเป็นธรรมารมณ์ ซึ่งเป็นอายตนะภายนอก และเป็นสุขเวทนาขันธ์ )
ไม่อาจถูกรู้ได้โดยวิญญาณขันธ์ เพราะวิญญาณขันธ์ จะเกิดมารับรู้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ทางอายตนะภายใน คือ ประตูตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วดับไปเร็วมาก แต่ธาตุรู้บริสุทธิ์ (ไม่มีอวิชชา) จะไม่เกิดดับ
ไม่อาจถูกทำลายได้
ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดนิ่ง
***** นี่แหละ เป็นธรรมชาติหนึ่งเดียว “เอโกธัมโม หรือ เอกะธัมโม” ที่พ้นจากสังขาร จึงพ้นจากทุกข์ เพราะสังขารเป็นทุกข์
***** แต่ธาตุรู้บริสุทธิ์ หรือ จิตบริสุทธิ์ หรือ ใจบริสุทธิ์ หรือ นิพพานธาตุ นี้ ก็ไม่ใช่เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
***** ถ้ามีเราไปยึดถือครอบครองเป็นเจ้าของธาตุรู้ ซึ่งเป็นธาตุตามธรรมชาติ ก็จะทำให้ธาตุรู้เสียความบริสุทธิ์ทันที
(จำเปรียบเทียบไว้ เหมือนกับหญิงสาวพรหมจรรย์ มีความบริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะเสียความบริสุทธ์ให้แก่ผู้ชายที่มาครอบครองเป็นเจ้าของ)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562