ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงตาค่ะ ปฏิบัติ “ทำ” ไปสักพักเริ่มจนมุมค่ะหลวงตา มันไม่เข้าใจ “ธรรม” ที่แท้จริง
ทำอะไรไม่ถูกพักใหญ่ค่ะ ... คำพูดครูอาจารย์ก็ขึ้นมาตักเตือนเป็นระยะ แต่อวิชชามันบังธรรมค่ะ มันจะเอาอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ... อยากรู้ อยากเห็น อยากเข้าใจ ... หรือรู้อะไร เห็นอะไร ก็ต้องวิเคราะห์ให้กระจ่าง จะต้องแจ่มแจ้งให้ได้ ... ไม่เคยปล่อยวางอะไร เลยจริง ๆ
ท้ายที่สุดคำพูดหลวงตาที่แนะนำศิษย์ เมื่อ 2 ปีก่อน มันก็ขึ้นมาว่า “ลองหยุดดูสิ” หยุดปฏิบัติธรรม หยุดอ่านหนังสือธรรมะ หยุดดูจิต อยู่นิ่ง ๆ อยู่ให้นิ่งที่สุด ... พอหยุด กลับเห็นแต่ความวุ่นวาย เห็นจิตที่มันไม่เต็ม วิ่งหาที่อยู่ โดยไม่สนใจว่ามันจะไปเกาะอะไร ดีมันก็เกาะ ชั่วมันก็เกาะ ทุกข์มันก็เกาะ สุขมันก็เกาะ แล้วก็มีตัวบ้าไปวุ่นวายกับมันอีก
เป็นแบบนี้สักพักค่ะ จนรู้สึกถึงสภาวะ สังขารเห็นสังขาร ... แล้วก็เหมือนสังขารเค้าเรียนรู้สังขารของเค้าเอง
โกรธก็มี โลภก็มี หลงก็มี .. คิดดี คิดชั่ว ... พอใจ ไม่พอใจ ... ยินดี ปรามาส ฯลฯ มีหมดค่ะ ... เห็นตัวกูของกู เห็นการพยายามทำลายตัวกูของกู มีแม้กระทั่งคิดว่าเราบรรลุแล้ว เราเข้าใจธรรมแล้ว ... แต่ทั้งหมดมันแค่สิ่งเกิด-ดับ
เหมือนความเข้าใจในการปล่อยวางมันชัดขึ้นค่ะ ... ไม่ว่าจะรู้จะเห็นอะไร ก็ต้องวาง ... ธรรมชาติ คือธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่สามารถไปยึดถือ ยึดครองมันได้
มันมีแค่ธรรมชาติ กฎของธรรมชาติ ... เมื่อยังมีสังขาร ยังมีโลก ก็ยังมีหน้าที่ของโลก แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็จบลง ผลก็แล้วแต่เหตุปัจจัย
กราบเท้าองค์หลวงตาเหนือเกล้าค่ะ หากศิษย์มีข้อผิดพลาดใด กราบนอบน้อมองค์หลวงตาเมตตาชี้แนะด้วยนะคะ
หลวงตา : เมื่อหยุด ! จึงสงบ
เมื่อสงบ จึงเกิดปัญญารู้แจ้งที่ใจ
***** สัจธรรมย่อมไม่ดิ้นรน
เพราะขณะจิตที่ดิ้นรน ย่อมหลงสังขาร
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2562