ผู้ถาม : วันนี้ มีช่วงที่สิ่งเดิม ๆ ที่เคยยึดถือตกกระทบ สังเกตว่ามันยังไปเกาะเกี่ยว เป็นสังขารที่เป็นจริงเป็นจัง เป็นความมีขึ้นมา ตอนแรกยังมีความหนืด แต่สติ รู้เท่าทัน ว่ามีตัวเรายึดถือ ความมี เห็นมันแตกต่างจากความไม่มี
เมื่อรู้ตัว มันก็ปล่อยของมันเอง และเห็นว่า "ภพที่เป็นจริงเป็นจัง" และ "ความรู้สึกมี" มันเป็นจากการปรุงแต่งของผู้รู้ปลอม ที่ยุกยิกภายในใจเจ้าค่ะ
แค่ไม่ไปทำอะไรให้เป็นอะไร ผู้รู้ปลอมจะกลายเป็นสักแต่ว่าสังขารไป และมันจะคืนสู่ความสงบ เย็น เห็นสังขารปรุงแต่งในธรรมชาติที่สงบเลย
และ ตัวปรุงแต่งค่อย ๆ เบาลง บางลง เหมือนคลื่นที่มันจะสงบ เมื่อไม่มีลมพัดเจ้าค่ะ
จึงเริ่มเข้าใจ สัมผัสด้วยใจมากขึ้น ถึงกระบวนการการหลงส่วนละเอียด ๆ ว่า ที่แท้ก็เป็นแค่ การปรุงแต่งของผู้รู้ปลอมหรอกหรือ ที่สร้างภพชาติ ถ้าเข้าใจด้วยใจในกระบวนการทั้งหมด ว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพียง กระบวนการ ที่เป็นไปของมันเอง มันจะไม่มีการยึดถือสิ่งใดให้เป็นทุกข์ได้เลย เพราะมันวางผู้ยึดถือเสียหมดแล้วเจ้าค่ะ
หลวงตาเคยบอกไว้ถูกต้องเลยเจ้าค่ะ มันหลงส่วนละเอียดอยู่ ที่ผ่านมามันเข้าใจส่วนนี้ด้วยสัญญาเท่านั้น
เพิ่งเห็นกระบวนการนี้ด้วยใจเจ้าค่ะ
เมื่อผ่านสิ่งนี้ได้ เข้าใจว่าเป็นเพียงกระบวนการตามหลังการตกกระทบของขันธ์ อย่างถ่องแท้เท่านั้น มันจึงจะอยู่ในโลกได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์
ไม่เช่นนั้น จะหลงเอาผู้รู้ปลอมที่ละเอียด ๆ มาเป็นใจ ก็จะวนทุกข์กับ "ภพ" เรื่อยไป เพราะการอยู่โลก มันมีส่วนตกกระทบแน่นอน มันไม่อาจมีช่วงที่เงียบ สงัด ได้นานต่อเนื่องหรอก สักพักก็ต้องมีเรื่องมีราวแน่ ๆ ขอแค่ความรู้ความเห็น ความเข้าใจ ยังไม่ขาดจาก "ผู้รู้ปลอม"
ไม่ปล่อยให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็นด้วยใจ แต่ไปเป็นเขา หรือไปยึดถือ หรือหลงอยากทำลายเขา ใจมันจะไม่มีวันพ้นทุกข์จริง ๆ
เพราะมันไปเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ได้เป็น "ใจ" จริง ๆ เจ้าค่ะ
แต่ถ้าความรู้ความเห็นความเข้าใจ อะไรจริง อะไรปลอม อะไรเป็นตา อะไรไม่ใช่ตา
ถึงแม้จะมีช่วงที่จำเป็นต้องใช้สังขาร ปรุงแต่งเป็นภพชาติตามสมมติ ซึ่งมันยังเลี่ยงตรงนี้ไม่ได้ แต่มันเข้าใจได้ ว่าสิ่งนี้ก็คือ "ไม่ใช่ใจจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเราตัวจริง แต่เป็นสิ่งที่เป็นเราตัวปลอมทั้งนั้น" มันก็จะปล่อยวางของมันเอง หลังจากนั้น เหมือนคลื่นที่สงบ ราบเรียบไปเองเจ้าค่ะ
อีกอันที่เริ่มเข้าใจ คือ ตัวเราที่แท้ กลับ ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเราเป็น
ตัวเราที่แท้พ้นจากความเป็นทั้งหมด มันไม่ทุกข์ในตัวมันเองอยู่แล้ว
แต่ตัวเราที่เป็นตัวปลอมน่ะ ถึงแม้มันจะปลอม แต่มันก็ยังฝึกฝน พัฒนาตน ให้ดำรงอยู่ในทางแห่งธรรม ทางแห่งความสงบ มันเริ่มค่อย ๆ ฉลาดขึ้น ว่าจะอยู่สงบได้ยังไง จนกว่าจะถึงวันที่มันตายแตกดับเจ้าค่ะ
ตัวสมมติ และสิ่งที่ไม่สมมติ กลับอยู่คู่กัน
จริง ๆ พระโพธิสัตว์ กับพุทธะ ไม่ได้แยกจากกันเลยเจ้าค่ะ เป็นสิ่งเดียวกัน
หลวงตา : สาธุ ทุกอย่าง แตกต่างกันโดยสมมติ
แต่ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันในวิมุติ หรือ วิมุตติ
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562