ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ในการทำความเพียรอยู่กับ "รู้" ที่หลวงตาเคยบอกว่า ไม่ให้เข้าไปแทรกแซง ไม่ต้องไปให้ค่า "แค่รู้" แต่บางขณะมันมี "เรา" เข้าไปร่วมด้วยเพราะยังจำได้ ยังมีสัญญาอยู่ ว่าเรื่องที่ "รู้" มันเป็นเรื่องทางโลก เรื่องงาน เรื่องเพื่อน จึงคิดว่ามันเป็นเรื่องฟุ้งซ่าน ก็แค่ "รู้ว่าฟุ้งซ่าน" ใช่ไหมเจ้าคะหลวงตา
คือไม่ต้องเข้าไปช่วยให้มันหยุดคิดเรื่องต่างๆ แค่ "รู้" ทุกเรื่องที่สังขารมันปรุงแต่งไป คิดไปใช่ไหมเจ้าคะ กราบขอเมตตาจากหลวงตา โปรดชี้แนะแนวทางสอนสั่งด้วยเจ้าค่ะ
คำตอบคือข้อธรรมนี้ใช่ไหมเจ้าคะหลวงตา
"หลักการ ...
ที่สำคัญมากในการ … ดูจิต
ที่ขอย้ำก็คือ ...
ให้รู้ … อารมณ์ เฉย ๆ
อย่า ...
ไปพยายามละ .... อารมณ์นั้น เด็ดขาด
จะเดินผิดทาง ทันที
เพราะ … อารมณ์ ทั้งปวงนั้น
เป็น ตัวขันธ์
เป็น ตัวทุกข์
ผู้ปฏิบัติมีหน้าที่รู้ … เท่านั้น
อย่าอยาก ที่จะไป ...
ละ … มันเข้า."
_______________________
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
หลวงตา : สาธุ ยังหลง "สังขาร" มีตัวตนของเราเป็นผู้รู้ ผู้พยายามละ ผู้พยายามปล่อยวาง .... และ ที่สำคัญที่สุดที่ไม่รู้เท่าทัน
คือ
***** มีตัวตนของเรารอความหวัง ความปรารถนาความสำเร็จ ความพ้นทุกข์ ....
จะบ่น ตรึกตรอง มีความพยายามแอบแฝงอยู่ภายใน
มีความรู้สึกว่าทำไมยังไม่ถึงที่สุด (เหมือนคนถ่ายท้องไม่สุด เป็นมวล หงุดหงิดน้อย ๆๆ) ทำไมมีความรู้ถึงขนาดนี้
ทำไมมันยังไม่พ้นทุกข์ หรือ นิพพาน มันติดตรงไหน มีตรงไหนที่ยังไม่รู้บ้าง
***** พฤติแห่งจิตเหล่านั้น มันเป็นสังโยชน์ คือ วิจิกิจฉา (ลังเลสงสัยใคร่รู้) มานะ (ยึดถือว่าเรารู้ เราเข้าใจ) อุทธัจจะ (ฟุ้งซ่าน) และอวิชชา
จึงเป็นอวิชชา ตัณหาอุปาทาน .... ภพ ชาติ ชรา มรณะ ความทุกข์ทั้งมวล
ส่วนจิตหรือใจบริสุทธิ์ ไม่อาจสังขารได้ เป็นสุญญตาธาตุ อมตธาตุ อมตธรรม
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562