ผู้ถาม : จากศิษย์ถึงหลวงตา
ครั้งแรกที่พบหลวงตา ที่บ้านจิตสบาย จิตหนูติดแช่หนักมาก ป่วย 10 โรค หลวงตาเมตตาแก้ให้ ให้เข้าหาผู้รู้ หนูหายมาได้จากเหตุการณ์นั้น
ครั้งที่สองพบกันศาลาธรรม ปทุมธานี หนูส่งการบ้านว่าถอนอธิษฐานแล้วเกิดสภาวธรรมมากมาย หลวงตาให้ปล่อยวาง หนูรอดจากการยึดติดมาอีก
ครั้งที่สามเจอที่แดรี่ฮัท หนูรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ระหว่างศิษย์และอาจารย์ หนูร้องไห้หนักมาก เหมือนได้เจอคนที่ตามหามานาน รู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
ครั้งล่าสุดที่เจอหลวงตา คือที่เชียงใหม่ หลวงตาเมตตาชี้แนะว่าหนูไปดูผิดตัว ไปติดในความสุขสงบนิ่ง ต้องไปดูตัวบ้ากับตัวใบ้
หนูนำมาพิจารณา ได้ยินเสียงตัวบ้ามันพูดตลอด ตัวใบ้มันเงียบ แต่ทั้งตัวบ้าและตัวใบ้ก็ไม่ใช่เรา มันเป็นธรรมชาติของมันแบบนั้น ไม่มีใครเอาเป็นเจ้าของได้ ปฏิบัติไป จิตมันตื่น มันเริ่มนอนน้อยลง ... และได้ยินเสียงของตัวบ้ามากขึ้น ...
สังเกตได้ว่าที่ผ่านมา แม้จะได้รับทำสอนที่ถูกต้อง จิตก็ไปติดสภาวะที่ผิดทางมาตลอด
ตั้งแต่ ติดแช่ ติดสุข ติดสงบ อันละเอียดขึ้นไป หากไม่มีหลวงตาที่ชี้แนะสภาวธรรมตามจริง หนูอาจจะตายตั้งแต่ติดแช่และมีอาการป่วยรุมเร้าไปแล้วก็ได้
หนูกราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาสั่งสอนมาโดยตลอด และขอขมาที่เคยดื้อ ต่อไปศิษย์จะไม่ดื้ออีกแล้ว ...
หนูรู้ดีว่า เหลือเวลาไม่นาน ที่จะได้พบได้เจอได้ส่งการบ้านหลวงตา เพราะไม่รู้ว่าหนูกับหลวงตา ใครสักคนคงต้องจากไปก่อน และหนูจะไม่ขออะไร เช่น ให้หลวงตาอยู่ไปนาน ๆ เพื่ออยู่สอนหนูให้พ้นทุกข์ในชาตินี้
แต่จะนำการใช้ชีวิตของหลวงตามาเป็นแบบอย่าง มาประพฤติปฏิบัติตาม นั่นคือความเพียรให้ถึงที่สุด เมื่อรู้ธรรมเห็นธรรมแล้ว ก็เป็นเสมือนภาชนะแห่งธรรม ดุจสายธารธรรมอันบริสุทธิ์เป็นที่อยู่อาศัยเกื้อกูลยังประโยชน์แก่สัตว์โลกต่อไป ตอบแทนคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ...
และเมื่อถึงวันนั้นคงได้พบหลวงตาอีกครั้ง ในส่วนของธรรมชาติ ...
หลวงตา : ปล่อยวางจิตตสังขาร
เข้าถึงความเงียบของธรรมชาติ
เป็นหนึ่งกับธรรมชาติ
*** แต่ไม่มีตัวตนของเรา ... เป็นผู้ปล่อยวาง เป็นผู้เข้าถึง และ เป็นผู้เป็นหนึ่ง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2562