ผู้ถาม : กราบในความเมตตาค่ะหลวงตา หนูมีบางอย่างที่อาจจะทำให้หลวงตาหายเหนื่อยขึ้นมาบ้างนะคะ แต่หนูกราบรบกวนหลวงตาไม่ออกสื่อได้ไหมคะ เพราะหนูก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร
หนูคิดว่าหนูเจอใจ (จิต) ในการภาวนาแล้วค่ะ แต่หนูไม่ทราบจะอธิบายออกมายังไงนะคะ หนูจะพยายามลองนะคะ
จิตหรือใจ มีอยู่ในที่ว่าง ๆ แบบที่ไร้ขอบเขตของที่สุดค่ะ หลวงตา
จิต เกิด ดับ ในความว่างที่มีอยู่ของมันอยู่แล้วค่ะ
จิต ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ ความเป็นอนัตตา (เกิด-ดับ)
“จิต” จริง ๆ จึง ไม่ใช่ “เรา” เลยค่ะ ทำได้ “แค่รู้” แบบไม่ใช่เรารู้อีกนะคะ
“รู้” ของเขาเองค่ะ แล้วก็ “จบไป” จิตดวงใหม่ ก็มีมา ไม่ว่าสภาวะไหนเกิดที่จิต มันก็ได้แค่รับรู้ รู้อยู่ แต่ไม่การแทรกแซงนะคะ แลัวมันก็ดับค่ะ
ส่วน “รู้” อยู่ในธรรมชาติของเดิมอยู่แล้วจริง ๆ แบบหลวงตาสอนเลยค่ะ
พอมาเจอสภาวะจริง ๆ มันคือ ความไม่มีอะไรในอะไรเลยค่ะ ตรงนี้อธิบายยากที่สุดค่ะ มันจะคล้ายการคืนกลับสู่ธรรมชาติเดิมที่มันกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ
หนูก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ พอมันรู้วาง รู้วางของมันเองแบบนี้ อาการเด้งผัวะ ๆๆ เหมือนมีอะไรเด้งหลุดจากตัวหนูก็เกิดตามมา 3-4 ครั้งค่ะ คล้าย ๆ กับมันสลัดอะไรออกมาค่ะ คล้าย ๆ ที่เคยเป็นมานะคะ แต่แรงกระเด้งมันเบาลงมาก ๆ เลยค่ะ
หนูคงอธิบายได้แค่นี้จริง ๆ ค่ะหลวงตา เพราะมันไม่สามารถแทนปรากฏการณ์ด้วยคำพูดได้จริง ๆ เลยค่ะ
หลวงตา : สาธุ
เมื่อพบธรรมธาตุ (ธาตุรู้ซึ่งเป็นเหมือนกับความว่างในธรรมชาติ) แล้ว ขันธ์ห้าซึ่งเป็นสังขารปรุงแต่ง กับธาตุรู้นี้ก็ยังคงเป็นธรรมชาติคู่กันอยู่ คือ ขันธ์ห้าก็เกิดดับในธาตุรู้ที่ไม่เกิดดับ ไม่มีตัวตน จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ขันธ์ก็ดับไป
ส่วนธาตุรู้บริสุทธิ์ เพราะสิ้นผู้ยึดถือแล้ว ก็จะไปรวมกับความว่างในธรรมชาติอย่างเป็นอมตะ
ผู้ถาม : กราบค่ะหลวงตา หนูคิดว่าหนูเข้าใจที่หลวงตาอธิบายมาค่ะ
ธาตุรู้ ที่ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มีตัวตน คือที่มันรู้ของมันเอง หรือแค่รู้หรือรู้ซื่อ ๆ ใช่ไหมคะ
เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันเลยใช่ไหมคะ ปล่อยให้รู้ก็รู้ไป
หลักการเดียวกันกับการเห็นธรรมชาติในจิต แค่รู้อย่างที่มันเป็น แบบนี้นะคะ
หลวงตา : สาธุ ถูกต้องแล้ว พิจารณาเห็นว่าจะมีประโยชน์แก่ผู้อื่น ขออนุญาตแชร์นะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562