ผู้ถาม : หนูอ่านแล้วมันโดนเจ้าค่ะหลวงตา ที่หลวงตาบอกว่า ใจ ไม่อาจปรุงแต่ง ไม่อาจยึดถือ ไม่อาจทำกิริยารู้เท่าทัน ไม่อาจทำกิริยาปล่อยวาง จึงไม่อาจสุข ไม่อาจทุกข์ แต่มันยังเป็นอยู่เจ้าค่ะ
ตอนนี้ฟุ้งซ่านอยู่ ก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน ไม่มีเราฟุ้งซ่าน ฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่านไป เราก็อยู่กับรู้ว่าฟุ้งซ่าน เข้าใจที่หลวงตาสอนเจ้าค่ะ แต่มันยังไม่ถึงใจ มันยังไปเป็นฟุ้งซ่านด้วยเจ้าค่ะหลวงตา
เหมือนที่หลวงตาสอนมันเป็นสัญญาที่หนูจำได้ แต่มันยังไม่ใช่ปัญญาที่เกิดมาจากใจเจ้าค่ะ
หลวงตา : อ้ายที่มันยังเป็นอยู่นั้น ไม่ใช่ “ใจ”
อย่าหลงไปพยายามให้มันไม่เป็นอย่างนั้น
อย่าหลงไปพยายามทำให้มันเป็น “ใจ”
“ใจ” เป็น “วิสังขาร” อสังขตธาตุ อสังขตธรรม
นิพพานธาตุ สุญญตาธาตุ อมตธาตุ อมตธรรม โดยธรรมชาติ
ไม่มีใครทำให้เขาเป็น “ใจ” ไม่ปรุงแต่งได้
ผู้ถาม : พยายามอยู่เจ้าค่ะหลวงตา ไม่รู้จะทำยังไงเจ้าค่ะ คือมันใจร้อน มันอยากให้ทำให้ได้เร็ว ๆ อย่างวันที่ไปกราบหลวงตา ก็รู้สึกว่าเป็นแบบที่หลวงตาบอกได้ แต่ทำไมมันไม่เป็นตลอด เนี่ยค่ะหลวงตา มันเลยทำให้ฟุ้งซ่านเจ้าค่ะ
เพราะหนูเป็นนักเรียนลัดหรือเปล่าเจ้าคะหลวงตา เลยถูกรัดคออยู่ตอนนี้เจ้าค่ะจากที่หลวงตาบัวท่านเขียน เพราะว่าหนูไม่มีสมาธิ จิตใจหนูก็เลยฟุ้งซ่านมากเลยเจ้าค่ะหลวงตา น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ
ตอนนี้เป็นแบบนี้เจ้าค่ะ คือ เมื่อ “หายโง่” เข้าใจความจริงอย่างถึงใจ
ใจเค้าก็สักว่าใจ สักว่ารู้
ความคิดก็สักว่าความคิด
ความรู้สึกก็สักว่าความรู้สึก สักว่าอาการ
ทุกอย่างเป็น “สักว่า” โดยธรรมชาติเองอยู่แล้ว
มันเป็นเช่นนี้เองอยู่แล้วเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
มันยังไม่สักว่าเจ้าค่ะ เพียรอยู่เจ้าค่ะหลวงตา
หลวงตา : ไม่ใช่เข้าใจผิด
“มันยังไม่สักแต่ว่า”
“พยายามจะให้มันเป็นใจ”
มันสังขารปรุงแต่ง
ผู้ถาม : มันยังไม่สักแต่ว่า ก็แค่รู้ว่ามันยังไม่สักแต่ว่า ใช่ไหมเจ้าคะหลวงตา
หลวงตา : รู้แจ้งจากใจว่า กิริยาจิตที่มันไม่สักแต่ว่า มันเป็นสังขารปรุงแต่ง
อย่าหลงไปพยายามบังคับให้มันสักแต่ว่า
มันจะหลงสังขาร ถ้าพยายามให้มันสักแต่ว่า
เรา ตัวเรา ตัวตนของเราไม่มี
เลยสังขาร หรือ พ้นสังขาร หรือ ไม่เป็นสังขารในปัจจุบันขณะ มันก็เป็นธรรมชาติที่ไม่ปรากฏอะไรเลย ไม่เกิดดับ ไม่ปรุงแต่ง มันเป็นเหมือนกับความว่างในธรรมชาติ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562