ผู้ถาม : หนังสือประตูสู่สภาวะใหม่เล่มนี้เจ้าค่ะหลวงตา อธิบายอย่างละเอียด และมีการพูดถึงการภาวนา แบบที่เหมือนหลวงตา เข้าถึงวิสังขารในขณะจิตนั้น โดยอาจารย์เป็นผู้สลายสังขารปรุงแต่งให้เจ้าค่ะ
ตอนแรกลูกยังแปลกใจว่า แบบที่หลวงตาช่วยแสดงให้ศิษย์รับรู้ตรง ๆ นี่ มันมีวิธีบันทึกไว้ด้วยหรือ เดี๋ยวลูกจะเอาไปถวายให้หลวงตาพิจารณาเจ้าค่ะ
หลวงตา : อ่านจบแล้ว ....
มันเป็นการพาจิตของศิษย์ไปพบกับธรรมชาติของจิตเดิมแท้ที่ปราศจากการปรุงแต่ง
เกิดจากอำนาจของผู้มีบุญวาสนาบารมีมาแต่ปางก่อน บวกกับความนอบน้อมศรัทธาต่อพุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ และพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือ
จิตของศิษย์จึงพบพุทธภาวะในจิตเดิมแท้ของตนเอง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง (วิสังขาร อสังขตธาตุ อสังขตธรรม ธรรมธาตุ อมตธาตุ สุญญตาธาตุ นิพพานธาตุ ...)
เมื่อเขาพบธรรมชาติของพุทธภาวะในจิตเดิมแท้ ด้วยใจของเขาเองแล้ว มันเหนือคำพูดหรือคำบรรยายที่จะปรุงแต่งออกมาได้ว่ามันเป็นอย่างไร และเราก็ไม่อาจเอาความคิด ความปรุงแต่งเข้าไปถึงได้
ต้องอาศัยใจที่มีความศรัทธาเต็มเปี่ยมเท่านั้น
เมื่อเขาสัมผัสหรือรู้ถึงพุทธภาวะด้วยใจของเขาเองแล้ว เขาจะมีประสบการณ์ตรง โดยไม่ต้องผ่านการบรรยายหรือคำพูดใด ๆ ..... มันช่างสงบ เงียบ สงัด ว่างเปล่ายิ่งนักทั้งภายในและภายนอก ว่างเปล่าโดยปราศจากขอบเขตทุกด้าน .... ซึ่งธรรมชาติของความปรุงแต่งทั้งภายนอกและภายใน เข้าไม่ถึง
ผู้ถาม : เจ้าค่ะ หลวงตา
แสดงว่า การเข้าถึงความไม่ปรุงแต่งที่เป็นพุทธภาวะแบบเดิมได้ คือ ไม่ปฏิบัติภาวนาตามความเคยชินเดิม
ซึ่งเป็นการรับรู้โดยยึดติดยึดถือ คือ ไม่ไหลไปตามสมมติ ก็คือปฏิเสธสิ่งนั้น นำไปสู่การบังคับ ให้มันเป็นแบบที่เราอยากให้เป็น
แต่ต้องอ่านใจตัวเองให้ขาด ว่ามีความอยาก มีนิสัยเดิม ๆ ต่อสังขารอยู่ในขณะจิตนั้นหรือไม่
ถ้ามีอยู่ ก็รู้เท่าทัน แล้วปล่อยเป้าหมายนั้นไปเสีย
มันจะคืน สู่การยอมรับความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น
ถ้าไม่อาจปล่อยได้ ก็น้อมบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ท่านชี้นำความจริงแก่เรา
นั่นจะเป็นการ "ปล่อย" อัตโนมัติของจิตเจ้าค่ะ
** โดยสรุป คือ ต้องทิ้งทางเดิมที่เคยชินแบบเดิม ๆ ไปเสีย เจ้าค่ะ ** ถ้ามันไม่มี "ทาง" มันจะไปไม่ได้ของมันเอง และเข้าสู่การรับรู้ความจริงแท้ ตามธรรมชาติของมัน
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562