ผู้ถาม : ที่ไม่เขียนบอกเรื่อง วิสังขาร คือสิ่งนี้ เข้าใจ มันเป็นธรรมชาติของสองสิ่ง ที่อยู่ร่วมกัน เห็นบ่อย ๆ ค่ะ มัน สงบ เงียบ แต่ไม่เหมือนสงบ นิ่งว่างแบบในฌาน มันละมุนละไมกว่า .... แต่สิ่งนี้เพื่อความชัวร์ ขออยู่ต่อหน้าหลวงตาค่ะ
หลวงตา : ความสงบเงียบในอารมณ์สมาธิจนถึงอรูปฌาน นั้น มันมีตัวเราผู้รู้และเป็นผู้ทรงอารมณ์ฌานในทุกระดับ
ซึ่งอารมณ์ฌานทุกอารมณ์ ไม่ว่าระดับใด ล้วนตกอยู่ใต้กฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ส่วน “วิสังขาร” ซึ่งเป็น อสังขตธาตุ หรือ นิพพานธาตุ หรือ
สุญญตาธาตุ ธรรมธาตุ อมตธาตุ ...... เป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏการไหวติง ไม่ปรากฏการเกิดดับ ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ไม่มีใครเป็นผู้รู้และเป็นผู้ทรงธาตุนั้นได้ เพราะเขาเป็นอสังขตธาตุ คือ ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง และไม่อาจเอาความปรุงแต่งยึดถือเขาได้
เพราะเขาไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่มีอะไรปรากฏ
จึงไม่อาจถูกรู้ได้ด้วยอายตนะภายใน และไม่อาจยึดถือเขาได้
เขาไม่เกิด ไม่ดับ จึงไม่ได้หายไปเมื่อเราหลงไปเป็นสังขาร
เพียงแต่หลงลืมเขาไปในขณะที่หลงสังขารเท่านั้น
แม้แต่ขณะที่หลงสังขารให้เป็นกิเลสและความทุกข์
ส่วนที่เป็น “วิสังขาร ซึ่งเป็นอสังขตธาตุ” เขาก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่ได้หายไป
เปรียบเหมือนกับว่า กลางวันเป็นอารมณ์สุข ส่วนกลางคืนเป็นอารมณ์ทุกข์ ซึ่งกลางวันกับกลางคืนผลัดกันเปลี่ยนแปลงในความว่าง โดยความว่างไม่ได้หายไปตามความสว่างและความมืด
ซึ่งเปรียบเหมือน “วิสังขาร” ไม่ได้หายไปตามอารมณ์สุขและทุกข์
แม้จิตตสังขารทุกปัจจุบันขณะจะคิด หรือ ปรุงแต่งอย่างไร
ถ้าไม่หลงสังขารนั้น ก็จะพบว่า “ใจ” ที่เป็นวิสังขาร ก็คงเป็นใจที่ไม่ปรุงแต่งอยู่อย่างนั้น
จึงมีคำกล่าวว่า
“พบใจ พบ ธรรม
ถึงใจ ถึง นิพพาน (นิพพานธาตุ)”
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562