ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาครับ
ที่ผ่านมาผมก็ว่าผมเข้าใจธรรมที่หลวงตาสอนจนสุด ๆ แล้ว ที่ผ่านมาผมเข้าใจว่าธรรมชาตินั้นมีเพียงสองสิ่ง คือสังขาร กับวิสังขาร ไม่มีอะไรให้ยึดถือได้ เข้าใจว่าตัวเองเข้าใจหมดแล้ว รู้กระทั่งว่าอะไรที่เคลื่อนไหวในใจล้วนเป็นสังขารทั้งหมด ยึดถือไม่ได้ ...
แต่ เอ.. เข้าใจหมดแล้ว รู้หมดแล้ว แต่ทำไมมันยังไม่นิพพาน ทำไมมันยังมีทุกข์อยู่ จนกระทั่งไปหาหลวงตา หลวงตากับอาจารย์ผู้ช่วย ช่วยกันสอนก็ยังไม่เข้าใจ จนหลวงตาทักว่าผู้ปฏิบัติธรรมมีแต่ความมืดดำ ผมตกใจมาก กำลังใจหดหาย ปฏิบัติมาขนาดนี้ยังมืดดำอีกหรือนี่ ผมตกใจจนลืมพิจารณาว่า มันก็เหมือนกับคนทำงานหาเงินจนมีเงิน 100 บาท แล้วทำเงินหายไป 20 บาท มันทุกข์ที่เงินหายไป 20 บาท แต่มันลืมไปว่ายังเหลืออีกตั้ง 80 บาท จนคิดขึ้นมาได้ว่าปฏิบัติธรรมมันก็ดีอยู่แล้ว ถึงมันจะมืดดำไปบ้างก็ยังดีกว่าความมืดมิดของผู้หลงโลก .. มันไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมามันยังคงหลงสังขารอยู่ดี มันไม่เห็นผู้อยากพ้นทุกข์ พอหลวงตาบอกก็หลงทุกข์อีก แทนที่จะมีสติ
หลังกลับจากไปกราบหลวงตาผมก็ฟังธรรมหลวงตาเรื่อยมา และพิจารณาว่ามันติดอยู่ตรงไหน จนเข้าใจแล้วว่า ก็ธรรมชาติมันมี ๒ อย่าง สังขาร กับวิสังขาร ... ตัวเรา (ที่หลงยึดมั่นถือมั่นอยู่นี่) คือสังขาร ความเพียรพยายาม ความคิดความอ่าน รวมถึงสติที่พยายามไม่ให้หลงสังขารนี่ก็เป็นสังขาร ความทุกข์ใจที่ไม่ถึงนิพพานสักที ความอยากพ้นทุกข์ ... อะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้นมาเป็นสังขารทั้งหมด ผู้พิจารณาก็เป็นสังขาร อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาจากความไม่มีอะไรนั้นเป็นสังขารทั้งหมด มันเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครมีหน้าที่ไปปล่อยวางมัน เพียงแค่รู้มันเห็นมันก็เท่านั้น ...... เหมือนกับเราขับรถผ่านสถานที่ต่าง ๆ เห็นธรรมชาติรอบตัว ธรรมชาติรอบตัวนั้นก็เหมือนสังขารที่เกิดขึ้นในใจ ก็เพียงแค่เห็นมัน เมื่อผ่านไปแล้วก็แล้วไป ไม่เห็นต้องเคยเอากลับมาคิดเป็นทุกข์ว่า ทำไมต้นไม้ต้นนั้นมันขึ้นตรงนั้น แล้วทำไมมันไม่ออกดอกเหมือนต้นอื่น ฯลฯ ครับหลวงตา
ผมขอกราบรายงานหลวงตาอีกว่า เดี๋ยวนี้เวลามีสติพิจารณาอยู่ผมจะรู้สึกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเสียงนกร้อง หรือเสียงอะไรที่เกิดขึ้นที่ไหนก็ตาม เมื่อได้ยิน มันเหมือนกับได้ยินในใจ เหมือนกับเสียงนั้นมันเกิดในใจผมเอง ความรู้สึกมันไม่ต่างกับสังขารจิตที่เกิดขึ้นในใจผมครับหลวงตา
นอกจากนี้ผมเข้าใจคำว่าหลงส่งจิตออกนอกแล้วครับว่าหมายถึงหลงสังขารนั่นเอง “อย่าส่งจิตออกนอก = อย่าหลงสังขาร” ถูกต้องไหมครับหลวงตา
ผมขอกราบรายงานหลวงตาเมตตาพิจารณา เผื่อว่าผมยังปฏิบัติผิดทางอีกหลวงตาโปรดเมตตาเอาฆ้อนทุบแรง ๆ ให้ด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับหลวงตา
หลวงตา : สาธุ ….ถูกต้องแล้ว
ถ้าจะเอาอะไร อยากได้ อยากเป็นอะไร หรือ ไม่อยากให้เป็นอย่างไร เพื่อจะได้ จะเป็นอะไร ก็หลงสังขารทั้งนั้น ๆ ๆ ๆ…….ปล่อยวางให้หมด
จะไปเอาวิสังขาร (นิพพานธาตุ) ก็หลงสังขารทั้งนั้น ปล่อยวางให้หมด
แล้วจะรู้เอง
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566