ผู้ถาม : หนูขอโอกาส กราบเรียนส่งการบ้านที่พึ่งปั่นเสร็จเมื่อคืนเจ้าค่ะ หลวงตา
1) คือตั้งแต่กลับจากพุทธธรรมสถานปัญจคีรี หนูก็พยายามเนสันชิกเจ้าค่ะ (อธิษฐานไว้ว่าระหว่างวันที่ 18-24 จะไม่อยู่ในอิริยาบถนอน แต่ก็มีไปนั่งหลับเจ้าค่ะ)
หนูทำวิจัยเรื่องความง่วงมาสักพักเพราะว่าเริ่มรู้สึกว่าความง่วงน่าจะมาจากจิตที่อยากเสพอารมณ์สบายจากการนอน (ไม่รู้ว่าการนอนจะนับเป็นอายตนะทางกายได้ไหมเจ้าคะ) ก็สู้กันมาหลายยก ดำผุดดำว่ายในกระแสความง่วงมาหลายคืน เมื่อคืนหนูเห็นความง่วงเกิดแล้วดับไป ไม่เกี่ยวกับร่างกายเลย ใจมันเลยพึ่งสรุปได้ว่า อ้าว ความง่วงก็เกิดดับในใจ
2) ต่อจากนั้นขณะเดินจงกรมหนูฟังไฟล์หลวงตาที่กำลังสอนว่า “ผู้รู้ทุกตัวคือสังขาร” “การยึดมั่นในความไม่ยึดมั่น” กับ “ผู้รู้ที่เป็นตัวยอมรับผู้รู้ตัวอื่น”
คือพอฟังมาถึงตรงนี้หนูก็เห็นอยู่ว่ามีผู้รู้ตัวนึงที่เป็นผู้รู้ที่มีกิริยานิ่งๆ เงียบๆ (แต่ไม่เที่ยง) โดยไม่รู้ตัวหนูสงวนรักษาไว้มาตลอด เพราะมันจะโผล่มาหลังจากผู้รู้ที่พูดพากย์เสียงดังๆ ดับไป หนูก็พิจารณาว่าเป็นสังขารทั้งหมดเลย แล้วหนูก็รู้สึกว่าสังขารทุกอันเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ละลายอยู่ในน้ำ (วิสังขาร) และ/หรือเสียงเงียบมันดังชัดจนกลบเสียงอื่นได้
3) แม้ว่าจะเคยได้ยินมาหลายครั้งแต่หนูคิดว่าพึ่งจะเข้าใจคำว่า “เอโกธัมโม” จริงๆ ตอนนี้เจ้าค่ะ
4) บารมี 10 กับ อินทรีย์ 5 พละ 5 นี่เหมือนเป็นสิ่งเดียวกันหรือป่าวเจ้าคะหลวงตา ?
หนูขอกราบหลวงตาทางไลน์ ไปก่อนนะเจ้าคะ ด้วยสำนึกเหลือเกินว่า ถ้าไม่มีหลวงตาและพ่อแม่ครูอาจารย์ช่วยชี้แนะ ให้กำลังใจ คอยขนาบไม่ให้ตกข้างทาง ไม่รู้ว่าหนูจะสามารถเข้าใจธรรมได้หรือไม่ กราบขอบพระคุณอย่างสูงที่สุดเจ้าค่ะ
ปล. รดน้ำให้ร่มโพธิ์ร่มไทรในใจตัวเองแบบนี้ต่อไปหรือป่าวเจ้าคะ
หลวงตา : สาธุ
ดีงาม ดีงาม.......ถูกต้องแล้ว
ผู้ใดมีสติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร และ ขันติ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ย่อมรู้ธรรมจริง เห็นธรรมจริง เป็นธรรมจริง พ้นทุกข์ (นิพพาน) จริง
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563