ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาพ่อแม่ครูอาจารย์
พระสัจธรรม ธรรมพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้พระสัจธรรมนั้น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ว่าเป็นยุคไหน พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมเดียวกัน
หลังจากฟังไฟล์เสียงที่ได้รับความเมตตาจากการแสดงพระสัจธรรมของหลวงตาที่ส่งมาทั้งหมด เห็นความมีตัวเราไปยึดความไม่ยึด ความสิ้นยึด จึงหลงทางเดินวนในการเกิดภพ จิตคิดจิตเกิด หากมีเป้าหมายไม่สิ้นสุดทาง
เป้าหมายมาจากมีตัวเราไปสร้าง เมื่อธรรมแท้ไม่มีอะไร แล้วเป้าหมายที่สร้างเป็นมายาลากให้เดินทาง มีตัวเปิดรับกระแสพระธรรมรับพระธรรมด้วยใจ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา นิ้วทั้งสามใช้สติ สมาธิ ปัญญาพิจารณาให้แจ้ง นิ้วทั้งสองแตะเป็นวงกลม สิ้นผู้เสวย สิ้นเดินทาง ด้วยวงของธรรมจักร ด้วยพระบารมีของพระองค์ หากยังไม่สิ้นผู้เสวย วงกลมนี้ยังเป็นวงวัฏจักรสังสารวัฏด้วยรัก โลภ โกรธ หลง
การบ้านที่หลวงตามอบให้ครั้งแรก สิ้นผู้เสวย และหนูเคยตอบว่าพิจารณาก่อนแล้วมาตอบค่ะ ผ่านมาหลายปีหนูขอส่งการบ้านนี้ค่ะ กราบพระรัตนตรัย พ่อแม่ครูอาจารย์ บิดามารดา
ในทุกขณะจิตปัจจุบันที่มีจิตตสังขาร (ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ) เกิดขึ้น หนูก็ไม่ได้เอาตัวตนออกไปปิดกั้น สะกดข่มอะไรใดๆ ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดเองดับเอง เกิดเองดับเอง (ต่างจากเมื่อก่อนคือมันไม่เยิ่นเย้อ หลงฟุ้งซ่าน หลงเพลินแบบเก่า เมื่อรู้แล้วมันก็ดับคล้ายๆ กับว่าเป็นสวิตช์อัตโนมัติ) ไม่ได้ใช้ความพยายามไปปล่อยวางอะไร มันเป็นไปเอง อันนี้หมายรวมทุกเรื่องราวที่สังขารปรุงแต่งขึ้นมาเจ้าค่ะ อาจเป็นได้ว่าหนูโยนิโสมนสิการสัจธรรมองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ต่างๆ ไว้ตลอด ขอองค์หลวงตาโปรดเมตตาชี้แนะเพิ่มเติมด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ต่อให้ไม่ยึดขันธ์ 5 ไม่ยึดสังขารอันหยาบ ก็หลงยึดจิต หลงเชื่อความคิด หลงว่าผู้รู้เป็น “กู” รู้จึงมีถูกมีผิด มีความปรารถนาและไม่ปรารถนา
เพราะเชื่อความคิดจิตจึงมี เพราะเชื่อว่ามี จึงมีผู้ทุกข์ มีผู้ดิ้นรนแสวงหา
แท้จริงทั้งหมดไม่ใช่เรา แต่ถูกสิ่งสิ่งหนึ่งที่สมมติเรียกว่าใจ รู้
เสมือนหนึ่งจิตและใจอยู่ด้วยกัน จิตเกิดใจรู้ ใจเป็นธรรมชาติที่เป็นวิสังขารไม่เกิดไม่ดับ ใจรู้ “อยู่กับรู้” คือ ใจรู้ว่าอยู่กับวิสังขารไม่อยู่กับสังขาร
ผู้ถาม : ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว โดยไม่ได้ต้องมีเราไปปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเช่นนั้น
หลวงตา : สาธุ
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563