ผู้ถาม : หลวงตาคะ
หลังจากที่หลวงตาเมตตาส่งปุจฉามาให้ ข้างในวิ่งเป็นหนูติดจั่น พยายามค้นพยายามหา พยายามทุกวิถีทาง ด้วยลึกๆ มีความรู้สึกว่า “เรา” ยังมีสิ่งนี้ “เรา” จะต้องหาให้ได้ว่ามันคือตัวไหน
ยิ่งหายิ่งเหนื่อย ขนาดตอนนอน ขณะพลิกตัวทุกครั้งข้างในก็พูดว่า “เราเจอรึยัง ผู้บงการอยู่ตรงไหน”
มันมีแอบแฝง “ความไม่สมหวัง” อยู่ลึกๆ ที่รู้ว่า “ยังทำไม่ได้”
แปลกมากเลยค่ะหลวงตา ผู้บงการที่กำลังแสดงอาการอยู่ตำตา แต่ไม่เคยเห็น
เห็นชัดเลยค่ะว่า มีความปรารถนาที่ตั้งธงไว้ ว่า ที่สุดคือ ความไม่มีอาการ มันเลยดิ้นพยายามจะเอาตัวเราไปให้ถึงความไม่มีอาการ
เมื่อใจสงบลง จึงค่อยพบว่า สังขารทั้งหมด เกิดขึ้นจากความไม่มีอะไร และดับลงไปในความไม่มีอะไร
อวิชชาที่ซ่อนในใจ ไม่สามารถเห็นด้วยการเอา “ตัวเรา” มุ่งไป “หา”
กลับเห็นด้วยการ “ยอมรับ” “ด้วยใจ”
ธรรมะของพระพุทธเจ้า คือประสบการณ์ตรง ไม่ใช่การปฏิบัติด้วยสัญญา เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการใช้ปัญญา มาช่วยเหลือ “อัตตา” เสมอไป
พฤติแห่งจิตนี่มันซับซ้อนจริง ๆ นะคะ
ขอน้อมก้มกราบในความเมตตาของหลวงตาค่ะ สุดที่จะเอาปัญญาโลกมาใช้
ในขณะมันเป็นอย่างไร มันก็... เป็นอย่างนั้น
หลวงตา : ยิ่งหลงแสวงหา ว่าผู้บงการคือ ใคร
ใครบงการเรา...
เหมือนอยู่นอก หลงหาข้างนอก
เหมือนอยู่ใน หลงค้นหาข้างใน
อยู่ไหนหว่า?????...
เหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้า แต่ที่แท้ลูกตาที่พยายามหาให้เห็นกลับขวางมันเสียเอง
ผู้ถาม : ใช่ค่ะหลวงตา มันรู้สึกเหมือน จะถึงแล้ว อีกนิดนึงจะเห็นแล้ว
แต่มัน อยู่ตรงไหน???
หลวงตา : ปริศนาธรรม ???.....
“พบใจ พบธรรม ถึงใจ ถึงนิพพาน”
“ตา ย่อม ไม่เห็น ตา แต่ก็รู้ว่ามันมีอยู่จริง ครั้นดิ้นรนค้นหาจะให้เห็น กลับไม่เห็น
ใจ ย่อมไม่เห็น ใจ แต่ก็รู้ว่ามันมีอยู่จริง ครั้นดิ้นรนค้นหาจะให้เห็น กลับไม่เห็น”
“ไม่เห็นตา แต่ทำไมรู้ได้ว่ามันมีอยู่จริง (เห็นตาในกระจก ไม่ใช่ตาจริง)
ไม่เห็นใจ แต่รู้ได้ว่ามันมีอยู่จริง”
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563