ผู้ถาม : กราบสาธุพระธรรมเจ้าค่ะ
องค์หลวงตา คือ พระธรรม ขอใช้บารมีทั้งหมดที่สะสมมาตลอดอนันตกาล วาสนาบารมีทั้งหมด มอบน้อมถวายแด่พระธรรมเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
จริง ๆ แล้วตัวหนูเอง ก็คือ ธรรม สังขารธรรม และวิสังขารธรรมนั่นเองเจ้าค่ะ
หลวงตา : ไม่มีตัว(หนู)
สังขารธรรม เป็นธรรมชาติไม่เที่ยง เกิดดับ ไม่ใช่ตัว(หนู)
วิสังขารธรรม ไม่มีอะไรปรากฏเลย ไม่มีตัว(หนู)
มีแต่ธรรมชาติเกิดดับ(สังขารธรรม) เกิดดับในความไม่เกิดดับ(วิสังขารธรรม)
มีแต่ธรรมชาติเกิดขึ้น แล้วดับไป มีแค่นี้เอง
ผู้ถาม : อ่อ... ความรู้สึกว่าหนู คือ Wave คือ Vibration เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ
มันต่างกันแค่ขณะที่ยึดกับไม่ยึดใช่มั้ยเจ้าคะ
ถ้าขณะจิตแรกที่มันเกิดขึ้นมา มันมีอวิชชาเกิดขึ้นมาปุ๊บ มันยึดเป็นจิตทันที แต่ขณะที่ไม่มีอวิชชามันก็เป็นแค่ Wave เป็น Vibration ที่ไม่มีเจ้าของ แต่ที่พูดไปก่อนหน้านี้ คือ ขณะจิตนั้นมันเกิดเป็นดวงจิตที่อวิชชาสร้างรูปขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ
หลวงตา : ความรู้สึกว่า "หนู" ของโยม ยังมีความรู้สึกเป็นตัวเรา สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หญิง ชาย ที่ยึดกันไว้จริง คือ ยึดมั่นถือมั่นจริงว่าตัวเราเป็นใคร ตัวเขาเป็นใคร
ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจ
เป็นแต่เพียงความเข้าใจถึงใจว่า เป็น Wave หรือ Vibration
“สัจธรรม” ธรรมชาติจริงแท้ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หญิง ชาย เป็นนั่น เป็นนี่............
สิ่งเหล่านี้เป็นสมมติของโลก เป็นโลกมายา เหมือนพระเอก นางเอก คนร้าย สัตว์ประหลาดในภาพยนตร์ ละคร ที่เกิดขึ้นแล้ว ดับไป มีแล้ว หายไป
ผู้ถาม : ถ้าจะถามองค์หลวงตาว่า แล้วหนูต้องทำยังไง ก็เป็นอวิชชาอยู่ดีเจ้าค่ะ
หลวงตา : หนูที่ไม่ถาม ก็อวิชชา
ผู้ถาม : อือ.......... คิดไม่ออกเจ้าค่ะ
หลวงตา : ตอบด้วยภาพโอวาทธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ผู้ที่หลงจึงต้องแสวงหา
ถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา
จะหาไปให้ลำบากทำไม อะไร ๆ ก็มี
อยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
จะตื่นเงา ตะครุบเงาไปทำไม
เพราะรู้แล้วเงาไม่ใช่ตัวจริง
ผู้ถาม : ทุกอย่างมันหายไปเจ้าค่ะ แต่รู้อยู่(เพราะธาตุรู้ไม่ได้มีอยู่ และไม่ได้หายไป) ความกังวล ความดิ้นรนหายไป เวลาหายไป เพราะมันไม่มีศูนย์กลาง มันจึงไม่มีทั้งผู้กระทำ และสิ่งที่ถูกกระทำ
หลวงตา : สาธุ
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563