ผู้ถาม : กราบสาธุเจ้าค่ะ หลวงตา
ถ้าไม่มีพระธรรม ไม่มีคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีการตักเตือนของครูบาอาจารย์
การคงเส้นคงวา บนเส้นทางแห่งธรรม มันยากลำบากนัก
มันเคยชินเหลือเกินที่จะ "หลง" เดินทางผิด โดยไม่รู้ตัวเลย
ความดิ้นรน ดิ้นไปดิ้นไปจนฟุ้งซ่าน ในฝันฟุ้งซ่านอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ตื่นมา มันเหนื่อยมาก เหมือนไม่ได้นอนมาหลายวัน เหมือนตัวปั่นมันหมดแรง
กัลยาณมิตรจากภายใน เขาหาช่องแทรกจนได้
ขณะที่ปล่อยหมด เพราะหมดสิ้นแรงจะไปทำอะไรแล้ว
ปรากฏภาพนิมิตที่ตนเองใช้มือเดียวเกาะอยู่ริมขอบผา เป็นผาน้ำตก ที่มีแต่น้ำไหลตกลงมาไม่หยุด
เบื้องล่าง มีแต่กระแสน้ำที่ซัด ถ้ามือนี้หลุด ย่อมตายแน่นอน
มันรู้โดยไม่ผ่านความคิดเลยเจ้าค่ะ ว่าตัวเราเองดิ้นรนยึดขอบผานั้นไว้ เพื่อให้ตัวเองรอด ยื้อไว้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหวังจะเอาตัวกลับขึ้นไป แต่ไม่อาจปล่อยมือเผชิญกับน้ำตกกระแทกราวห่าฝนอยู่แบบนั้น
และมันรู้เลยว่า "ตัวมันเอง" เป็นสิ่งที่ไม่อาจรักษาให้รอดได้อีก ท้ายที่สุด ต้องตกลงไปยังหน้าผานั้นแน่นอน
และรู้ว่าความเข้าใจผิดที่ผ่านมา คือ รักษา "ตัวเราที่ใจเป็นธรรม" เอาไว้ และเอา "สังขารธรรม" ทุกอย่าง มารักษาใจ เพื่อให้ตัวเองรอด
พอความจริงนี้ถึงใจปุ๊บ มันไม่อาจยึดอะไรได้อีก เพราะรู้แล้วว่า ตัวมันเองต้องตายแน่นอน
เหมือนมันหลุดพรึ่บไปเลยจากอะไรบางอย่าง
สุดท้ายหยิบแผ่นอธิษฐานมาบวชใจอีกครั้ง
ด้วยความรู้สึกว่า ตัวเราต้องตายเป็นแน่แท้ แค่ช่วงเวลาที่เหลือก่อนตายนี้ได้รับแสงแห่งพระธรรม ตั้งมั่นอยู่ในพระศาสนา เป็นลูกพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
มันก็เหมือนกับมีแสงตะวันอาบรด สาดส่อง ให้เกิดความสงบร่มเย็น ในช่วงเวลาที่มันยังเกาะผาไว้ ยังไม่หลุดจากมือที่เกาะ แค่นั้นเอง
ไม่ได้อยากเอาอะไรอีกแล้ว เท่านี้ เท่าที่มี มันมีฉันทะ ที่จะอยู่กับสิ่งอันประเสริฐ อยู่ในแสงแห่งพระธรรม จนกว่าจะถึงเวลาที่มือมันหลุดออกจากหน้าผาไปเอง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเจ้าค่ะ
หลวงตา : “ปล่อยเลยยยย......” จะได้ตายก่อนตาย
“นิพพาน” ฟากตาย
ถ้ากลัวตาย ต้องเกิดตายให้เป็นทุกข์อีกต่อ ๆ ไป
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563