ขอน้อมกราบองค์หลวงตา
ผลของความไม่เข้าใจใน "ใจ" ของตัวเองอย่างแท้จริง เป็นสาเหตุของปัญหาส่วนใหญ่ในชีวิต
เรามักคิดว่า เราคือร่างกายและจิตใจนี้ เมื่อความคิดและอารมณ์เกิดขึ้น จิตใต้สำนึกของเราก็จะบอกว่านี่คือความคิดและอารมณ์ของเรา และเมื่อพวกเราเพิ่มความเป็น "ฉัน"คือ กายเนื้อ, ความรู้สึกเและอารมณ์เหล่านี้
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ความทุกข์ ที่จะเป็นผลตามมา
เมื่อใจของคุณเต็มไปด้วยความผูกพันกับโลก คุณได้อยู่ในดินแดนของอัตตา อัตตาเป็นสิ่งชั่วคราว มีความเปลี่ยนแปลง และไม่มีตัวตน
คุณได้สร้างจิตใต้สำนึกที่ผิดเกี่ยวกับตัวตน เมื่อคุณคิดว่าตัวตนที่ไม่มีอยู่จริงนี้เป็น..ตัวคุณ..จริง ๆ, คุณจะเป็นทุกข์เพราะมันเป็นสิ่งชั่วคราว มีความเปลี่ยนแปลง และไม่ใช่ตัวเราจริง ๆ
คุณได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดในการสร้างความไม่มีอะไรให้เป็นอะไรบางสิ่งบางอย่าง
พวกเราจำเป็นต้องแยกแยะความจริงที่ว่า ความรู้สึกที่เป็น "ตัวเรา" เป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้น
หรือ มีอะไรที่เป็นสาระแก่นสารภายใต้ความรู้สึกว่าเป็นตัวเราหรือไม่
จงดูเข้าในร่างกายของเรา.. !
ในทุกปัจจุบันขณะ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งหมด อยู่ในกระบวนการของความเสื่อมสลาย ร่างกายเป็นเพียงการประกอบกันเข้าของธาตุทั้ง 4 เท่านั้น คือดิน น้ำ ลม และไฟ
จงดูเข้าไปในใจของเรา.. !
ใจเป็นเพียงที่เกิดของความคิดและความรู้สึก
และความคิดกับความรู้สึกเหล่านี้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลง และมีอยู่ชั่วคราว ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ใช่ตัวเรา
เมื่อคุณมองเห็นความจริงอย่างสม่ำเสมอ ในทุกปัจจุบันขณะในชีวิตคุณ คุณจะสามารถมองเห็นความจริง ดังนั้น ความจริงนี้จะทำให้คุณเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งหมดของคุณ
เพราะมันไม่เคยเป็น "คุณ" มาตั้งแต่แรก
และมันจะไม่เป็น "คุณ" ตลอดทางจนถึงที่สุด
ด้วยความเคารพและน้อมกราบในความเมตตาของหลวงตาจากใจของฉันทั้งหมด
ผู้ถาม : ก่อนหน้าที่จะได้อ่านบทความข้างบน ศิษย์มีคำถามที่ไม่ลงแก่ใจอยู่ค่ะ
“ในเมื่อทุกสิ่งเป็นสิ่งเกิด-ดับ การที่มีตัวตน หรืออวิชชา ซึ่งก็เป็นสิ่งเกิด-ดับ ทำไมถึงทำให้เกิดวิญญาณหรือนามรูปสืบต่อกัน พาเราเกิดพาเราตายในวัฏฏะ ไม่จบไม่สิ้น”
(ในมุมที่ว่าการมีตัวตน ยึดมั่น ทำให้เกิดทุกข์อันนี้ มันเห็นจริงจากประสบการณ์จึงลงแก่ใจไม่สงสัยค่ะหลวงตา)
ตอนที่อ่านบทความข้างบน ทำให้ได้สติว่า ... อวิชชาคือความไม่รู้ในสัจธรรมความจริง ที่ว่า “ตัวตนไม่มีจริง ตัวตนแท้จริงก็คือสังขารที่เกิด-ดับ”
ความไม่รู้ในความจริงข้อนี้ จึงทำให้เกิดความยึดมั่น เกิดวิญญาณไปตั้งอาศัยในสิ่งที่ยึดมั่น และก็เกิดความยึดมั่นในสิ่งต่าง ๆ เกิดดับขึ้นเป็นสายต่อเนื่องไป ...
แต่เมื่อรู้ความจริงว่าตัวตนก็เป็นสิ่งเกิด-ดับ แม้แต่ความคิดสงสัยที่ไม่ลงแก่ใจนี้ก็เกิด-ดับ
เมื่อยอมปล่อยมันดับตามธรรมชาติ ก็ไม่มีวิญญาณ ไปตั้งอาศัยที่ไหน มันก็เหมือนวงจรปฏิจจฯ ขาดลงครั้งนึง (เมื่อหลงวงจรก็ทำงานต่อ)
กราบเท้าองค์หลวงตาเมตตาสั่งสอนศิษย์ขี้สงสัยด้วยค่ะ
หลวงตา : เช่นนั้นเอง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563