ผู้ถาม : กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ วันนี้รอบเย็นเดินกลับไปกลับมาพร้อมฟังไฟล์เสียงที่องค์หลวงตาแสดงธรรมเรื่องทิฏฐิมานะ ฟังไปก็น้อมใจพิจารณาตามเจ้าค่ะ
แต่พอธัมมวิจยะว่า… อ๋อ !!! มันยังรู้จักมานะไม่หมดทุกหน้า คือ บางทีแบบนี้เกิดมานะแล้วแต่มันไม่รู้เจ้าค่ะ
อยู่ ๆ ข้างในมันสรุปว่า… รู้ทุกหน้า ทุกชอต ทุกตอนมันรายละเอียดมาก
ให้ “เป็นรู้ เป็นรู้ เป็นรู้” ไปเลย
จะไม่มีมานะ ไม่มีอุทธัจจะ ไม่มีอวิชชา
“สติ สติ สติ” แค่นั้นแหละ
มาจบที่ตรง “สติ” และ “เป็นรู้” ไปเลยเจ้าค่ะ
ไม่ต้องไปธัมมวิจยะแล้ว
ให้ “เป็นรู้” ตะพึดตะพือเจ้าค่ะ
กราบขอความเมตตาองค์หลวงตาชี้แนะและเขกกระบาลด้วยเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : ไม่มีอะไรหรอก !!! ที่จะต้องไปเอาเหตุผลกับมันว่าอะไรเป็นอะไร
ไม่มีใครต้องเป็นอะไร หรือ ไม่เป็นอะไร
มันจะเป็นอะไร หรือ ไม่เป็นอะไร มันก็เป็นสังขาร เป็นสมมติทั้งน้านนนนน.....
ช่างมันเต๊อะ !!!
ส่วนวิมุตติ … ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หญิง ชาย .... ไม่มีอะไรเลย .... ไม่มีแม้แต่ความว่างที่จะยึดถือไว้
สุขบ้าง ทุกข์บ้าง.... ก็ช่างมันเต๊อะ !!!
ผู้ถาม : ไม่มีอะไรเลยนะเจ้าคะ ไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ (ทำไมมันร้องไห้ หนูก็ไม่รู้) กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
สังขารทั้งน้านนนนนน มันจบไปแล้วนี่เจ้าคะ ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ เค้าไม่ได้มีอยู่จริงเจ้าค่ะ
หลวงตา : อดีต เป็นธรรมเมา
อนาคต เป็นธรรม
สักแต่ว่ารู้ปัจจุบัน (ไม่มีตัวผู้รู้ ไม่มีตัวผู้ยึด) เป็นธรรมะ ธรรมโม
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะหลวงตา
สำหรับ พระธรรม
คำสอน ที่ละเอียด
ลึกซึ้ง ชัดเจน ของ
“สัจธรรม ความจริง
ไม่มีอวิชชา ไม่มีจิต
ไม่มีตัวเรา”
แค่ “หายโง่”
อวิชชา ดับ
ไม่มีจิต.. ก็ไม่มีอวิชชา
ไม่มีอวิชชา.. ก็ไม่มีจิต
ก็ไม่มีตัวตน ไม่มีผู้ยึด
ไม่มีผู้ทุกข์ (นิพพาน)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563