ผู้ถาม : กราบนมัสการค่ะหลวงตา เมื่อได้อ่านบทธรรมะถึงตอนที่เมื่อตายแล้ว ธาตุขันธ์ก็สลายกลับคืนสู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เอาอะไรมาตาย ใจก็ไม่ตายแล้วกลัวอะไรกับความตาย
โยมเลยถามเข้าไปในใจว่า ที่เราไม่เป็นไปตามบทความนี้เพราะอะไร และมีคำตอบมาว่าเพราะยึดในอัตภาพนี้อยู่ โยมเลยย้อนมาพิจารณาว่า เรายึดเพราะอะไร เหมือนมันตื้อ ๆ
แสดงว่าโยมต้องพิจารณาให้หนักมากขึ้นกว่านี้เพื่อให้จิตเขารับรู้จริง ๆ ว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ เพราะแสดงว่าใจเขารู้ แต่ยังไม่เข้าถึงและใจยังไม่รับรู้ไปตามความเป็นจริงค่ะ
โยมว่าจะเริ่มหาหัวข้อใหม่ ๆ ในการพิจารณาให้ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าหัวข้อเดิม ๆ มันเริ่มตื้อ ๆ แล้วค่ะ เพราะตอนนี้เหมือนมีความรู้สึกว่าชอบดูแต่จิตส่งออกนอกตอนพุทโธค่ะ
พอพุทโธสักพักจิตจะนิ่ง ๆ โยมก็กลับมาพิจารณากายบ้าง มรณสติบ้าง มันก็รู้สึกเหมือนมันแกน ๆ ค่ะ โยม ยังมีอะไรติดขัดอยู่หรือเปล่าคะ ขอความเมตตาหลวงตาชี้แนะด้วยค่ะ (ตอนพิมพ์มาถึงบรรทัดนี้ ใจเขาให้ความรู้สึกเลยค่ะว่า ต้องกัดติดจดจ่อมากกว่านี้)
กราบนมัสการและกราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาอย่างสูงค่ะ
หลวงตา : เอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้มาน้อมพิจารณา ได้แก่ ไวรัส Covid-19 ระบาด และภัยพิบัติธรรมชาติจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ภูเขาถล่ม ไฟใหม้ป่า น้ำท่วม สึนามิ ลมพายุรุนแรง ทำให้คนตายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงนี้ ซึ่งในที่สุดความตายก็มาถึงเรา และคนที่เรารักอย่างแน่แท้ ไม่มีอะไรจะต้านทานความตาย และความพลัดพรากได้
พิจารณาให้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย จนรู้สึกได้ถึงใจว่า ตัวเราและคนอื่นจะต้องตายและพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดาทุกชีวิต ไม่อาจหลีกหนีได้
ผู้ถาม : นั่นซิเจ้าค่ะ โยมเองได้รับการเตือนถี่ ๆ จากธรรมชาติแล้วเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563