ผู้ถาม : การบ้านของโยม คือถอนคำอธิษฐานให้ขาด อโหสิกรรมให้หมด ไม่หนีโลก ไม่เข้าไปจมแช่ในฌาน โยมก็เพียรทำอยู่ทุกวันเจ้าค่ะ ประเด็นก็คือหลวงตาอธิบายให้ผู้ที่จมแช่ว่าให้ใช้จิตที่เป็นอารมณ์ฌาน มีกำลังแล้วให้ออกมาพิจารณา จะสิ้นกิเลสได้ ต้องสิ้นความยึดมั่นถือมั่นในกาย ให้พิจารณากาย ลอกร่างกายออกทิ้งไปทีละส่วน ทีละส่วน น้อมเกาะติดอยู่แบบนี้ พิจารณาซ้ำ ๆ จนเข้าถึงใจ จดจ่อทั้งวันทั้งคืน จนสิ่งที่พิจารณากลายเป็นใจตลอดเวลาจนตกกระแส จิตจะปล่อยวางร่างกายไปได้ จนเหลือแต่โครงกระดูกแล้วเอาไฟเผาให้สลายหายไปหมด จนรู้สึกว่าไม่มีตัวตน น้อมเกาะติดอยู่แบบนี้ พิจารณาซ้ำ ๆ จนเข้าถึงใจ จดจ่อทั้งวันทั้งคืน จนสิ่งที่พิจารณากลายเป็นใจตลอดเวลาจนตกกระแส จิตจะปล่อยวางร่างกายไปได้ ต่อไปก็จะเห็นจิตเกิดดับ เกิดดับ แล้วก้าวเข้าสู่วิปัสสนา คำถามคือโยมควรทำตามขั้นตอนแบบนี้ ใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงตา : ถ้าในใจ ไม่หลงว่ามีเรา ตัวเรา หรือ ตัวตนของเรา ในใจก็จะไม่มีตัวเราไปหลงยึดถือคนใด สิ่งใด แม้แต่ยึดถือร่างกายและจิตใจ ว่าเป็นของเรา ให้หนักใจ เป็นทุกข์ เพราะขณะหลับสนิท หรือ ตายสนิท จะไม่มีตัวเราหรือของเราอยู่ในใจเลย ดังนั้น ความที่รู้สึกขึ้นมาในใจว่า เรา ตัวเรา ของเรา ในขณะปัจจุบัน จึงเป็นเพียงหลงสังขารปรุงแต่ง ถ้าในใจสิ้นหลงว่ามีเรา ตัวเรา ก็จะสิ้นหลงยึดถือร่างกาย จิตใจ และคนใด สิ่งใดภายนอกมาเป็นของเรา หรือ สิ้นหลงยึดถือสิ่งใด ก็สิ้นความหลงว่ามีเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา หรือของเรา
ยึดมาก ... ทุกข์มาก
ยึดน้อย ... ทุกข์น้อย
สิ้นยึด ... พ้นทุกข์
ถ้ายังไม่เข้าใจถึงใจว่า จิตเดิมแท้ หรือ ใจ ไม่มีตัวตน หรือไม่มีแม้แต่ตัวจิตหรือตัวใจ จึงย่อมไม่มีเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา หรือ ของเรา แม้แต่ความคิดหรืออารมณ์อยู่ในจิตเดิมแท้หรือในใจได้ ... ก็ต้องพิจารณาร่างกายและจิต ให้เห็นตามความเป็นจริงว่าเป็น ... อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะ
ใจก็สักแต่ว่า ... ใจ
ธรรมก็สักแต่ว่า ... ธรรม
สังขารปรุงแต่งก็สักแต่ว่า ... สังขารปรุงแต่ง
วิสังขารก็สักแต่ว่า ... วิสังขาร
ทุกอย่างก็เพียงสักแต่ว่า ... เรื่องของมัน
ไม่มีเรื่องของเรา ... เพราะไม่มีเราเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560