ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ คราวที่แล้วที่หนูส่งการบ้านที่สถานธรรมพระราม 5 หลวงตาบอกว่าหนูปฏิบัติแล้วไปติดว่าเราเป็นเทวดา ในตอนนั้นหนูก็สับสนเพราะไม่เห็นว่าเป็นเทวดาอย่างไร หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไร เพราะปฏิบัติไปก็กลัวจะไปเป็นเทวดาอีก หนูก็เลยหยุดปฏิบัติอยู่ช่วงหนึ่ง ก็ทำให้เห็นว่า เมื่อก่อนมีการปฏิบัติตลอดเวลา ทำให้มี “ตัวเรา” ทำ ๆๆ ตลอด ไม่เคยหยุดจริง ๆ เลย แต่ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเป็นเทวดาอย่างไร
หลังจากนั้น หนูก็ค่อย ๆ มาฟังไฟล์หลวงตา เน้นไปที่ว่าจิตเดิมแท้เป็นความไม่มี ไม่เป็นอะไรเลยมาเรื่อยๆ จนมาฟังไฟล์เสียงหลวงตาสอนบอกว่าเบื้องหลังของสังขารเป็นความว่างเปล่า เป็นความไม่มีอะไรเลย เป็นจักรวาลที่ว่างเปล่า ในขณะนั้นก็เหมือนจะเข้าใจว่าสัมผัสได้ถึงความไม่มี ที่อยู่เบื้องหลังของทุกคิด ทุกอาการ และไปเห็นเหมือนกับว่าก้อนเมฆที่เคยปกคลุมท้องฟ้าที่ว่างเปล่า มีรอยแยกเล็ก ๆ แสงสว่างสามารถผ่านมาตามรอยแยกได้
และต่อมาในขณะที่เป่าผมในห้องนอน หนูมองออกมานอกหน้าต่างใหญ่ เนื่องจากวันนั้นนอนอยู่บนคอนโดชั้น 20 มองออกมาด้านหน้าเป็นท้องฟ้าที่ว่างเปล่า และมองลงล่างเห็นบ้านหลาย ๆ หลัง และมีคนเดินไปเดินมา แวบหนึ่งก็มีความคิดเหมือนการปฏิบัติข้างในของเราเลย ที่เราคอยรู้ คอยดู อยู่ในที่สูง เพื่อให้มีการรู้ ละ ปล่อยวาง สังขารที่อยู่ด้านล่าง พอความคิดนี้เกิดขึ้น ก็เอะใจว่ามีความเป็นเรา ๆ อยู่ในความคิดนี้ ก็เลยรู้ว่าเป็นสังขาร และก็เลยเอะใจว่าเหมือนเป็นเทวดาจริง ๆ แบบที่หลวงตาบอกเลย เลยเข้าใจว่าทำไมหลวงตาบอกถึงให้มาดูตรงจุดนี้
พอเห็นแล้ว ก็เห็นว่าจิตที่แท้จริง ก็ไม่ใช่ผู้คอยกำกับ รู้ ละ ปล่อยวาง (เหมือนเทวดาเฝ้าความว่าง) และไม่ได้เป็นอะไรเลย เป็นแค่ความรู้เฉย ๆ และก็เหมือนว่าตามหาบ้านที่แท้จริงเจอ แต่ก็เห็นว่าเมื่อพบแล้ว เห็นแล้ว ก็ไม่ยึดสภาวะ อยากให้มีอยู่ตลอดไป ที่ทำมาหนูทำถูกต้องหรือยังเจ้าคะ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ ถูกแล้ว
วางตัวเราผู้รู้ ผู้เห็น ผู้รู้แจ้ง โดยเห็นว่าเป็นสังขารปรุงแต่ง
ก็สิ้นสมมติ สิ้นตัวตน สิ้นเรา ตัวเรา ของเรา
ก็สิ้นผู้ยึดถือ สิ้นกิเลส พ้นทุกข์
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560