ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาครับ วันนี้ผมว่างเลยเขียนการบ้านเรื่องวิธีเห็นจิตส่งหลวงตาต่อจากคราวที่แล้วที่ผมเคยส่งไปก่อนหน้านี้ แล้วหลวงตาเมตตาให้ไปพิจารณาต่อเพื่อให้ถึงใจเสียก่อน แต่คราวนี้ผมเขียนไม่ออกเลยครับ ... ก็เมื่อผมเข้าใจแล้วว่าความจริงตัวเราไม่มี (ซึ่งแม้จะไม่ถึงใจก็ตาม แต่ก็พอเป็นแนวทางได้ครับ) แล้วก็เลยไม่รู้จะไปหาวิธีดูจิตไปทำไม เพราะการดูจิตเป็นวิธีการหนึ่งในการปล่อยวางตัวตน ความจริง เราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รู้แค่เห็นอาการของกาย อาการของจิตเพียงเท่านี้ รู้ว่ามันเกิดอาการอะไรขึ้น เพียงแค่รู้มันเท่านั้นเอง ที่ผ่านมาผมหลงหาวิธีการต่าง ๆ นานา เพื่อที่จะทำลายตัวตน ทั้งการนั่งสมาธิ ทั้งการดูจิต แต่ทั้งหมดเป็นการกระทำเพื่อที่จะไปเอาการทำลายตัวตน (ซึ่งไม่มีจริง) มันจึงเป็นการปฏิบัติเพื่อที่จะไปเอา ซึ่งสวนทางกับพระนิพพานอย่างที่หลวงตาสอน เมื่อเราไม่มีตัวตน ก็ไม่มีอะไรที่เราจะไปเอาหรือไม่เอา ก็เพียงแต่อยู่กับชีวิตไปตามปกติ รู้มัน เห็นมัน เท่านั้น ทุกวันนี้ผมก็เลยใช้ชีวิตอยู่กับการรับรู้ร่างกายตามปกติ รับรู้ความคิดตามปกติ แต่มันผิดปกติจากก่อนหน้านี้ครับ ก่อนหน้านี้เมื่อเห็นจิต จิตก็จะทบทวนตรวจสอบหาเหตุผล เช่นว่า เราหลงอยู่หรือไม่ เรากำลังจะไปเอาอะไร ไม่เอาอะไรหรือไม่ ทำอย่างนี้ผิดหรือไม่ แต่ปัจจุบันเมื่อร่างกายเกิดอาการอะไรรับรู้ถึงจิต เมื่อจิตคิดอะไรก็รับรู้เพียงว่ามันเป็นจิตปรุงแต่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่จิต เป็นจิตปรุงแต่ง ทันทีที่เกิดอะไรขึ้นที่จิตและมีสติอยู่จิตก็จะบอกตัวเองทันทีเลยว่านี่เป็นจิตปรุงแต่ง แล้วมันก็จะบอกตัวเองต่อไปอีกว่า ไอ้ที่บอกตัวเองอยู่นี่ก็เป็นจิตปรุงแต่ง ที่กำลังเขียนอยู่นี่ก็เป็นจิตปรุงแต่ง ... ผมจึงขอกราบเรียนหลวงตาเพื่อกราบขอโทษหลวงตาที่ไม่ได้ส่งการบ้านนานครับ อีกประการหนึ่งที่ช้าเพราะผมเพียรปฏิบัติเพื่อจะให้ถึงใจตามที่หลวงตาเมตตาสั่งสอน ถ้าผมสามารถเขียนออกมาได้เมื่อใดผมจะเขียนส่งมาให้หลวงตาพิจารณาครับ
หลวงตา : สาธุ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560