ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ ด้วยพลังความเมตตาที่หลวงตา มอบให้ในวันสุดท้ายของคอร์ส รู้สึกรับรู้ถึงความปรารถนาที่จะให้ลูกศิษย์ทุกคนพ้นทุกข์ พ้นทุกข์ สำหรับตัวเอง ยอมรับว่า เดี๋ยวรู้ เดียวก็หลงอีกแล้ว สวิงไปมา อย่างที่หลวงตาเห็นจริง ๆ ทั้งที่มีความตั้งใจมากที่จะเดินอยู่บนเส้นทางพ้นทุกข์ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่เดินไปแต่ข้างหน้า ด้วยความไม่รู้ ไม่แน่ใจ การปฏิบัติที่ผ่านทุกขั้นตอน หลวงตาตักเตือนว่ากล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการในโทษภัยที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทุกเช้าเย็นที่หลวงตาอบรมสั่งสอน รู้ ๆ หลง ๆ ส่งจิตออกนอกไปถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังไม่มา ปัจจุบันก็ขาดสติหลงลืมทำให้หลวงตาต้องเหน็ดเหนื่อยในธาตุขันธ์ ขอขมาและขออโหสิอีกครั้งค่ะ
ในช่วงแรกที่ฟังธรรมคืนสุดท้ายจบลง ใจห่อเหี่ยวที่ทำให้หลวงตา ต้องเหน็ดเหนื่อยในธาตุขันธ์ ก็กลับมาตั้งใจฟังแต่ละตอนจนถึงเรื่องจบซะที ซึ่งคำสอนแนะนำการปฏิบัติให้กับคุณป้าวัย 85 เป็นธรรมที่เข้าสู่ใจ รู้สึกถึงใจที่ฟูขึ้น เข้าใจวิธีที่หลวงตาให้ทำความเพียรขยันให้ต่อเนื่องจดจ่อในทุกขณะจิตปัจจุบัน ไม่หลงไปส่งจิตออกนอก ซึ่งวิธีการอ่านและฟังที่หลวงตาเมตตาแนะนำจะช่วยไม่ให้ฟุ้งซ่านอีก ก็เป็นการบ้านที่รับมาและก็จะน้อมนำมาปฏิบัติ กราบขอบพระคุณ หลวงตา และด้วยบุญกุศลที่ตั้งใจปฏิบัติมาขอให้หลวงตามีธาตุขันธ์เข้มแข็งปราศจากโรคภัยเบียดเบียนค่ะ
คิดกับรู้ เปรียบเหมือนบ้านสองหลัง, กายจิต กายเนื้อ เป็นของตาย อย่าอยู่กับของตาย, เรื่องไต้ซือกับบาตร และเรื่อง ต้นโพธิ์ กับกระจกเงา เข้าถึงใจที่หงอย ๆ หลง ๆ ให้ตื่นรู้และมีกำลังใจค่ะ
หลวงตา : สาธุ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2560