ผู้ถาม : หน่วงภาพงานศพของตัวเองขึ้นมาซ้ำ ๆ พิจารณาหลาย ๆ แง่มุม จนความตายมันติดในจิตแล้วเจ้าค่ะ ภาพศพที่เอาเข้าเตาเผา ตอนแรกยังหยาบ ๆ พอพิจารณาซ้ำ ๆ ไป ยิ่งเห็นรายละเอียดชัดเจนว่า โดนเผาไหม้เกรียมอย่างไร หักงออย่างไร แตกสลายกลายเป็นขี้เถ้าอย่างไร ยิ่งมายิ่งชัดเจน ไปอาบน้ำก็นิมิตเห็นแม่อาบน้ำให้ศพตัวเอง เราเกิดหลังเขาแต่ตายก่อนเขา ภพชาติโหดร้ายจริง ๆ ได้ยินเสียงนกร้อง มันนิมิตเป็นนกแสก เสียงรอบข้างเงียบไป มันนิมิตเป็นความเงียบและเหว่ว้า ในหลุมศพหลังความตาย เหมือนได้ยินเสียงและกลิ่นของความตายอยู่ทุกที่ ทุกขณะเลยเจ้าค่ะ ที่ตายน่ะ มีแน่ ที่ไม่ตายน่ะ ไม่มี มันสลดและมีอารมณ์ของความเศร้าโศกแทรกบ้าง เลยรู้ว่าที่บอกว่าตัวเองไม่ยึดแล้วน่ะ มันหลอก แท้จริงก็ยังยึดอยู่ ยังเสียใจกับความตายอยู่ ไม่กล้าประมาทเลยเจ้าค่ะ แต่มันยังไม่ชำนาญเจ้าค่ะ พอไปอยู่กับญาติพี่น้อง เดี๋ยวคนโน้นชวนคุย คนนี้ชวนคุย มันหลุดเลยเจ้าค่ะ น้อมใหม่ มันไม่อินเหมือนเดิมแล้ว ได้แค่ทรง ๆ อารมณ์ปลงปล่อยวางไว้ แต่ไม่เจื๊อกวาบถึงใจอีก
หลวงตา : อย่าทรงอารมณ์ปลงปล่อยวาง มันจะหลงเล่นอยู่กับสัญญา ความจำอารมณ์ ให้เพียรพิจารณาเอาแต่ความจริงของสังขารไม่เที่ยง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2561