ผู้ถาม : น้อมกราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ ขอโอกาสเจ้าค่ะ จากการฟัง “สิ้นตัวตนของผู้เดินทาง” และอ่านข้อธรรมที่หลวงตา เมตตาส่งมาให้ ก็ลงแก่ใจว่า เมื่อเราไม่มี ไม่มีเรามาตั้งแต่แรกแล้ว หยุดการดิ้นรนแสวงหา หยุดการเดินทาง ทางนั้นก็ดับไปพร้อมเจ้าค่ะ เมื่อไม่มีผู้หมาย ที่หมายก็ไม่มี เหลือแต่ธรรมชาติ ว่างเปล่าไร้ตัวตน เป็นอิสระซึ่งกันและกัน เช่นนั้นเองเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
หลวงตา : ความรู้ย่อมไม่สิ้นสุด แต่สิ้นสุดการยึดถือในปัจจุบัน
ผู้ถาม : นี่คือ คำว่า ความรู้ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณใช่ไหมคะ ทางเดินก็ไม่มีและหาที่สิ้นสุดไม่ได้เพราะมีแต่ความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ไพศาลหาที่สุดที่ประมาณไม่ได้ ธรรมที่มีอยู่ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นก็มีอยู่มากมายเรียนรู้เท่าไหร่ก็ไม่หมด ทุกอย่างล้วนเป็นมายาหลอกลวงทั้งสิ้น หากยังหลงมีตัวตนเดินต่อไปก็เปรียบเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต
ถึงตรงนี้ก็เหมือนข้อความที่อ่านพบในหนังสือว่า “แต่ความประหลาดอัศจรรย์จะหมดไปทันที เมื่อเหตุปัจจัยต่าง ๆ ในเรื่องนั้นถูกรู้เท่าทันหมดสิ้น ดังนั้น คำว่าสิ่งเหนือหรือนอกเหนือธรรมชาติ จึงเป็นเพียงสำนวนภาษาเท่านั้น ไม่มีอยู่จริง”
ถึงตรงนี้จะสรุปได้ไหมคะว่า ไม่ว่าการปฏิบัติจะเดินมาบนเส้นทางใด แต่ทุกเส้นทางก็ต้องมีสิ้นสุด โดยสิ้นสุดที่ตัวเรายอมหยุดเท่านั้น แม้มีทางเดินที่ลัดสั้นให้เดินแล้ว ถ้าหากยังมีกิเลสปล่อยวางหรือสิ้นยึดตัวตนยังไม่ได้ เพราะไปมุ่งหวังมุ่งปรารถนานิพพาน หรือต้องการนิพพานเพื่อเอาไปทำอะไรต่อไปอีก แม้ทางเดินจะลัดสั้นเพียงใดก็ยังคงไปไม่ถึงความพ้นทุกข์ได้ และในทางกลับกันแค่ในทางสั้นยังปล่อยวางไม่ได้แล้ว ถ้าไปเดินในทางที่ยาวไกลวนในเขาวงกตที่มีสิ่งให้ดูรู้เห็นมากมายกว่านี้จะปล่อยวางได้อย่างไร
หลวงตา : หลายคนแสวงหาหนทางไม่มีที่สิ้นสุด แต่บางคนสิ้นสุดเพราะหยุดและจบที่ใจไม่ปรุงแต่ง
ผู้ถาม : ความรู้นี้ถ้าพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่สั่งสอนต่อยอดให้ก็ยากที่จะรู้เห็นได้ค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561