ผู้ถาม : กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา ลูกขอเรียนถามหลวงตาในข้อสงสัยเจ้าค่ะ เวลาตาได้เห็น หูได้ยิน แล้วตัวผู้รู้กำลังจะพากษ์ก็รู้ทันว่ากำลังจะพากษ์แล้วก็ทำให้ผู้พากษ์นั้นดับไป แบบนี้คือรู้ต้นจิต หรือเข้าไปแทรกแซงจิตเจ้าคะ กราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : โยมหลงเอาตัวเรา ไปดูผู้รู้ ผู้พูด ผู้พากษ์ในใจ คือ คิดตรึกตรองผู้ปรุงแต่ง วิพากษ์วิจารณ์
แต่ … ไม่ได้ปล่อยวางความรู้สึกว่าเราหรือตัวเราผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้พูด ผู้พากษ์ ผู้ปรุงแต่งในใจในปัจจุบันขณะ
ความรู้สึกว่าเราหรือตัวเราเป็นผู้รู้ ผู้พูด ผู้พากษ์ ผู้คิดปรุงแต่งในใจทุกปัจจุบันขณะ เป็นจิต หรือ วิญญาณขันธ์ที่มีเจตสิก คือ เวทนา สัญญา สังขาร ประกอบอยู่ทุกดวง
เป็น “สังขาร” หรือสิ่งปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
จิตหรือวิญญาณ ซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้พูด ผู้พากษ์ ผู้ปรุงแต่งในใจตัวเก่าดับไป ตัวใหม่เกิดขึ้น แล้วดับไป ตัวใหม่ก็เกิดขึ้นอีก เกิดดับเร็วมากปานปรมาณู เมื่อขันธ์ห้ายังไม่ตาย
ความรู้สึกว่าเราหรือตัวเราผู้รู้ ผู้พูด ผู้พากษ์ในใจ ก็เกิดดับอย่างนี้เรื่อยไป
ให้ปล่อยวาง หรือ ไม่หลงยึด จิตหรือวิญญาณ ที่มีเจตสิกประกอบในปัจจุบันขณะทุกดวง ว่าเป็นตัวตนของเรา เป็นเรา หรือเป็นของเรา จะเท่ากับปล่อยวางขันธ์ทั้งหมด หรือ สิ้นอุปาทานขันธ์ห้า
จึงพ้นทุกข์ (นิพพาน)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561