ผู้ถาม : ขอโอกาสส่งการบ้านดังนี้ค่ะ
1. ช่วงนั่งสมาธิ นั่งได้ดีมากโดยทุกสภาวธรรมที่เกิดขึ้นจะปล่อยให้เกิดขึ้นโดยไม่กำหนดและไม่อยู่กับลมหายใจ หรือบริกรรมพุทโธ ถ้ามีการกำหนดเมื่อไรจะรู้สึกอึดอัดและคล้ายกับลมปราณหมุนเวียนไม่ปกติ โยมเลยปล่อยให้จิตทำงานอิสระ เพียงแค่รู้เท่านั้น ทำให้รู้สึกเป็นสภาวะที่สบายจากการไม่ยึดสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้น แต่เมื่ออยู่ในสภาวะเช่นนี้ทำให้ง่วงง่าย โยมไม่แน่ใจเกิดจากความเพลียจากกาย หรือโยมติดสภาวะสบายค่ะ
2. ช่วงชีวิตประจำวัน โยมรู้สึกแปลกใจที่เกิดผัสสะที่ไม่ได้ดั่งใจแล้วโกรธในใจ แต่โยมเห็นการแสดงออกทางกายตรงข้ามกับสภาวะทางใจ คือไม่ได้โกรธ พูดด้วยคำพูดที่ธรรมดามากๆ แต่ใจกลับโกรธ โยมไม่แน่ใจเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงมีมารเกิดขึ้นในใจตนเอง แต่การทำงานกายนอกเป็นเทวดา เสมือนกับมีมารและเทวดาในการสลับทำหน้าที่ ผลดีคือบรรยากาศในการทำงานไม่เครียดดี แต่ทางธรรมไม่แน่ใจถูกต้องหรือไม่ค่ะ จากสภาวะข้างต้น ขอความเมตตาหลวงตาชี้แนะค่ะ
หลวงตา : ข้อ 1. แสดงว่าเอาตัวเราไปรู้ มันจึงกดจิตให้ง่วง ไม่ได้รู้ตัวเราผู้ไปรู้ แล้วสักแต่ว่ารู้ตัวเราผู้ไปรู้
ข้อ 2. ไม่ว่าจะเกิดสังขารอย่างไร ไม่มีผู้หลงยึดถือ ที่สังขาร และวิสังขาร ก็จะพบธรรมธาตุ หรือ ธาตุรู้ตามธรรมชาติ หรือ “ใจ” หรือ จิตเดิมแท้ ที่มีแต่ชื่อสมมติ แต่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวจิตหรือตัวใจ ไม่มีอะไรปรากฏเลย นั่นแหละ คือ ที่สุดแห่งทุกข์
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2561