ผู้ถาม : กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตาที่เคารพยิ่ง หนูชื่อ ..........เจ้าค่ะ คนที่หลวงตาเมตตาชี้แนะว่าจมอยู่กับอาการแช่ จนมีโรคภัยไข้เจ็บ และต้องลาออกจากงาน (ได้กราบหลวงตาที่ศาลาธรรมเมื่อวันที่ 19-20 พ.ค.) หนูได้กลับมาปฏิบัติต่อ โดยเลิกนั่งสมาธิ แต่ใช้วิธีสวดมนต์หรือเดินสบาย ๆ เพื่อดูจิตที่เผลอคิดหรือพากษ์ ถ้าหนูทำแบบตั้งใจ มันจะเกิดการเพ่งจ้องที่มีความอยากแฝงเข้ามาทันที บางทีก็มีการสะกดจิตจนไม่ยอมหายใจ หนูก็พยายามรู้ไป แต่มันก็มีความไม่ชอบและอยากให้อาการนั้นหายไปแฝงเข้ามา อันนี้หนูเหมือนต้องต่อสู้กับมันมากกว่าเรื่องความเผลอเพลิน หรือพากษ์ เพราะหนูมีความไม่ชอบและพยายามผลักไสมันเกิดขึ้น หลายต่อหลายครั้งที่หนูคิดจะเรียนถามหลวงตา แต่มันก็จบลง และหนูก็ผ่านมันไป จึงไม่ได้รบกวนหลวงตา บางครั้งพอมันกำลังไปเพ่งแช่อยู่ แล้วหนูไม่พอใจกับสภาวะที่เกิดขึ้น จิตมันก็ไปพากษ์เรื่องอื่นขึ้นมา สภาวะเพ่งก็จบไป เพราะหนูขำที่มันแอบไปพากษ์ หนูสังเกตว่าหนูมีปัญหากับเวทนาที่เกิดขึ้นกับกายมาก ๆ เพราะหนูจะไปเคล้าเคลียและจดจ้องกับเวทนา ที่เกิดจากอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ ศรีษะ เนื่องจากกระดูกแกนสันหลังบิด ลึก ๆ คือ หนูอยากหาย ความอยากนั้นทำให้หนูทุกข์มากเจ้าค่ะ อาการอาหารไม่ย่อย บางทีหนูก็ปล่อยมัน อยากเป็นอะไรก็เป็น ไม่เชื่อความปรุงที่คอยปรุงแต่งความกลัวขึ้นมา วันนี้หนูฟังหลวงตาเทศน์สอนว่า เมื่อปรารถนาความสุขหมดไป ความทุกข์ก็หมดไปพร้อม เพื่อไม่ให้หลงทาง หนูจึงขอโอกาสกราบเรียนถามหลวงตา ดังนี้
- หนูควรจะปฏิบัติต่อเวทนาทางกายอย่างไรเจ้าคะ (เห็นจิตที่จดจ้องเพราะความกลัวที่จิตปรุงแต่งขึ้นและสอนใจให้ยอมรับว่านี่คือความไม่เที่ยงของธาตุขันธ์) ขอหลวงตาเมตตาชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ
- หนูสวดมนต์ตามที่หลวงตาแนะนำอยู่ทุกวันเจ้าค่ะ เดิมหนูเคยบริกรรมพุทโธพร้อมกับลมหายใจเข้าออก พอตอนที่ป่วย หนูรู้สึกว่าเกิดอาการเพ่งจ้องจึงเลิกไป ก่อนพบหลวงตาหนูพยายามอยู่กับกายที่เคลื่อนไหว แต่บางครั้งก็ยังมีอาการเพ่งจ้อง ปัจจุบันนี้หนูทำตามที่หลวงตาสอน คือ รู้ที่ใจ ความปรุง หรือพากษ์จะเกิดขึ้นก็รู้ไป ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ไม่ทราบว่าจริตของหนูเหมาะกับการปฏิบัติแบบดูจิตนี้หรือไม่เจ้าคะ และมีเรื่องเวทนา ที่ต้องกราบขอคำชี้แนะ เพราะไม่มั่นใจในสติปัญญาของตนเองเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาเป็นอย่างสูง และต้องกราบขออภัยที่รบกวนหลวงตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : ให้มีสติสังเกตเห็น “ผู้รู้” มีความคิดตรึกตรอง ปรุงแต่ง พูด พากษ์สิ่งที่ถูกรู้ หรืออารมณ์ที่ถูกรู้ รวมทั้งเวทนาที่ถูกรู้ทุกปัจจุบันขณะ โดยไม่ไปสนใจให้ค่า ให้ความสำคัญต่อเวทนา หรืออารมณ์ที่ถูกรู้ เมื่อเห็นผู้รู้ที่คิดปรุงแต่งแล้ว ก็สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น เรื่อยไป ไม่หวังหรือคาดหมายอะไร และให้ติดตามเป็นแฟนพันธ์ุแท้หลวงตาจริง ๆ ก็จะเข้าใจถึงใจ .... ปล่อยวางได้
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561