ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ตั้งแต่วันที่หลวงตาเมตตาชี้แนะวันนั้นว่า หลงเอาอาการจิตนิ่งมาเป็นเรา หลังจากที่หลวงตาเมตตา ความมีตัวเราที่เข้าไปรองรับมันฟูขึ้นมา คอยแอบจัดการอะไร ๆ อยู่เงียบ ๆ แต่ก่อนไม่เห็น คิดว่าตัวเองปฏิบัติก้าวหน้า เพราะมีความรู้สึกอิ่มเอิบอยู่ข้างใน โดยไม่รู้ว่าผู้อิ่มเอิบนั้นเป็นสังขาร หนูขอความเมตตาหลวงตาชี้แนะ และขอกราบ ๆๆ หลวงตาเจ้าค่ะ การบ้านที่ส่งไปนั้นหนูคิดจะส่งหลวงตามาหลายวันแล้ว แต่ไม่รู้จะเขียนอย่างไรให้ตรงกับที่สภาวะที่เป็นอยู่จริงเจ้าค่ะ
หลวงตา : ปัจจุบันขณะนี้ หลงสังขาร คือ หลงคิดปรุงแต่งมีตัวเราหรือเอาตัวเรา ดิ้นรนค้นหา .. หาเหตุ หาผล หาถูก หาผิด หาทางออกจากทุกข์ในปัจจุบัน หาทางพ้นทุกข์ หา ....ๆๆๆๆๆ..... มันเป็นกิเลส คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน โดยไม่รู้ตัว ต้องมีสติ ปัญญา รู้เท่าทันกริยา หรือ อาการ หรือ พฤติกรรมของจิตที่แสดงออกในปัจจุบันขณะ อย่างที่หลวงตาบอก เมื่อรู้เห็นด้วยใจแล้ว ก็เห็นว่าเขาเป็นเพียงสังขาร ซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่หลงไปกระทำตามเขา และในทางกลับกัน ไม่พยายามดับเขา เพียงแค่รู้เท่าทัน เท่านั้น สังขารเหล่านั้นก็จะเป็นเพียงสังขารวิบากในขันธ์ห้า หากไม่มีผู้ยึดถือ คือ หลงไปกระทำตามเขา หรือ หลงไปพยายามดับเขา ก็จะไม่เป็นสังขารกรรม และวิญญาณกรรม ในปฏิจจสมุปบาท โดยมีตัวเราเป็นผู้รับผลกรรม
ผู้ถาม : จริงอย่างที่หลวงตาเมตตาสอนเจ้าค่ะ มันหาตะพึดตะพือ หาจนเหนื่อยเลยเจ้าค่ะ มันมีตัวเราเข้าไปหา กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาเจ้าค่ะ กราบสาธุ ๆๆ เจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561