ผู้ถาม : กราบนมัสการค่ะหลวงตา หลังจากที่ส่งการบ้านหลวงตาครั้งที่แล้ว ก็จะมีธรรมชาติปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ ต้นไม้ ผลไม้ สิ่งของ ก็มีแต่เกิด แก่ เก่า เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาจริง ๆ … หนูก็ถ่ายภาพเก็บไว้พิจารณาอยู่ซ้ำ ๆ
แต่ส่วนใหญ่ถ้าเจอพวกผลไม้ สัตว์จะกระแทกใจได้ง่าย ตอนที่ไปเจอแมลงตายกับเจอปลาเน่ามันกระแทกใจสุด ๆ ค่ะ แต่ปัญหาคือมันไม่ต่อเนื่อง บางทีมันก็คิดพิจารณาได้บางทีก็ไม่ได้ ปัจจุบันหนูก็ตามฟังไฟล์เสียงหลวงตาเป็นประจำ
แต่ไฟล์เสียงส่วนใหญ่เป็นเรื่องพิจารณาจิต ซึ่งหนูไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนภาพธรรมกับที่ลูกศิษย์หลวงตาส่งการบ้าน อ่านตามไม่ทันค่ะ เลยอยากขอคำแนะนำหลวงตาว่าหนูก็พิจารณาสังขารร่างกายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดนไม่ต้องไปสนใจเรื่องดูจิตใช่ไหมคะ
หลวงตา : ให้เอาธรรมชาติรอบตัวอย่างที่เห็นและถ่ายภาพเก็บไว้พิจารณาเปรียบเทียบเข้าหาตนเองอย่างที่ทำนั่นแหละ ถูกต้อง ดีมาก ๆๆ .. เพียรน้อมพิจารณาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จิตเขาก็จะจำภาพและความรู้สึกถึงความไม่เที่ยง
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาขึ้นมาในใจได้ชัดเจนติดตาติดใจ เรียกว่าเกิดอุคคหนิมิต แล้วจะขยายความชัดเจนถึงความตายเน่าเปื่อยผุพังของตัวเราและธรรมชาติรอบตัวเรามากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจก็จะยิ่งปลงปล่อยวางมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งจิตใจเขาทนต่อความเป็นจริงไม่ได้ ก็ปล่อยวางความหลงยึดมั่นถือมั่นในร่างกายตนเองและผู้อื่น สัตว์อื่นจนหมดใจ
“อวิชชา” ที่เคยหลงยึดถือร่างกายว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นเรา ตัวเรา หรือ ของเรา ที่หุ้มห่อใจหรือจิตเดิมแท้มาชั่วกัปป์กัลป์ก็ดับลง มีอาการคล้ายกับโลกธาตุภายในระเบิดออกไปรวมกับธรรมชาติภายนอก
ของโยม ขาดแต่ความเพียรไม่ต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดอุคคหนิมิต และปฏิภาคนิมิต ขึ้นมาติดตาติดใจอย่างต่อเนื่องไม่ได้
ถ้าพิจารณาต่อเนื่องจนเกิดอุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิตแล้ว แม้แต่ในขณะทำงานประจำหรือไม่ว่าจะทำกิจอันใดในชีวิตประจำวัน ภาพความตายเน่าเปื่อยผุพัง และความรู้สึกปลงปล่อยวาง ก็จะต่อเนื่องไม่ขาดสาย
หมายเหตุ - ไม่ต้องสนใจเรื่องจิตเลย จนกว่าจิตใจจะปลงปล่อยวางความหลงยึดถือร่างกายตนจนหมดสิ้น แล้วจะสิ้นสงสัยเอง
ให้กินน้อย
นอนน้อย
สำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ไม่คลุกคลีหมู่คณะ
ไม่พูดสิ่งที่ไม่มีประโยชน์สาระแก่นสาร
ไม่หลงเพลิดเพลินใจไปกับสิ่งใด โดยเฉพาะทางโทรศัพท์มือถือ
มีหิริโอตตัปปะ คือ มีความละอายแก่ใจและเกรงกลัวต่อบาปกรรม
***** มีความเพียรพิจารณาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
พระพุทธเจ้าตร้สว่า ถ้าปฏิบัติตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ เณร ชี หรือ ฆราวาส ก็ตาม อย่างเร็วที่สุดอาจบรรลุนิพพานในวันเดียว หรือ ภายในเจ็ดวัน หรือ ภายในเจ็ดสัปดาห์ หรือ ภายในเจ็ดเดือน หรือ อย่างช้าที่สุดไม่เกินเจ็ดปี
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561