ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ อาการของจิตหนูไม่มีผู้ยึดถืออะไรในอะไร จิตเบา,โล่ง เพราะไม่มีอะไรในอะไร ไม่มีอยากอะไรในอะไร ไปเรื่อย ๆ เฉย ๆ นิ่ง ๆ ว่าง ๆ ไม่ห่วงกังวล
สติรู้การเกิด ดับ เป็นธรรมชาติที่ทุกคนต้องเผชิญ ว่าง ๆ วาง ๆ ทุกอย่าง เป็นไปตามทางของมันเอง อธิบายไม่ถูก ว่างไม่มีอะไรยึดถือ ทุกข์ไม่มี สุขไม่มี อดีต อนาคต
ไม่ได้กังวลเหมือนก่อน เฉย ๆ เบา ๆ เขาจะจัดสรรเอง ไม่ดิ้นรนในความอยากอะไรเจ้าค่ะ ติดตามอ่านหลวงตาในกลุ่มมาโดยตลอดค่ะ
หลวงตา : สาธุ ปล่อยวาง หรือ ไม่ยึดถือผู้รู้
ผู้ถาม : ไม่มีผู้ยึดถือเจ้าค่ะ ว่างๆ เบาๆ บอกไม่ถูกค่ะ ไม่ฟุ้งซ่านเหมือนก่อน
หลวงตา : อย่าไปสนใจความว่าง มันมีตัวเรารู้ความว่าง ให้ปล่อยวางตัวเรา “ผู้รู้” ตลอดเวลา หรือ ไม่มีผู้ยึดถือตัวเราผู้รู้ว่า เป็นเรา เป็นตัวเรา หรือ เป็นของเรา เขาเป็นเพียงสังขาร
ผู้ถาม : พอใจว่าง ๆ จัดบ้านโละของบริจาคออกสละออก ไม่ยึดของที่เก็บที่หวงไว้ แบ่งปันให้ผู้อื่น บ้านสะอาด จิตจะเบาโล่งตามไปด้วยค่ะ ขนออกบริจาค ตัวเราก็ว่าง ๆ ว่าง ๆๆๆๆ แบบเฉย ๆ ค่ะ
หลวงตา : มันมีตัวเราแอบยึดถือ คือ พึงพอใจความว่าง โยมแอบพึงพอใจยึดถือใจที่ว่าง หรือ หลงยึดถือความว่างโดยไม่รู้ตัว ให้รู้เท่าทัน ปล่อยวางตัวตนของผู้ยึดถือเสีย ในธรรมชาติไม่มีตัวเรา ไม่มีจิตใจของเราว่าง
มีผู้ปฏิบัติพากันหลงผิดเช่นนี้เป็นจำนวนมาก
โดยหมายยึดถือเอา “ความว่าง” หรือ ความรู้สึกว่าง โล่ง โปร่ง เบา สบายใจ ใจมีแต่ความสุขสงบ เป็น “นิพพาน”
แล้วก็สยบติดอยู่กับสภาวะ หรือ อารมณ์เหล่านั้น
อย่างนี้ มันเป็นกิเลส หรือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน
“นิพพาน” คือ สิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ว่าจะมีสภาวะอย่างใด
ถูกใจ หรือ ไม่ถูกใจ
สุข หรือ ทุกข์
ผ่องใส หรือ เศร้าหมอง
ว่าง หรือ ไม่ว่าง
สงบ หรือ วุ่นวาย
โปร่ง โล่ง เบา สบาย หรือ ไม่โปร่ง โล่ง เบา สบาย
ก็ไม่มีผู้ยึดถือ หรือ ไม่มีผู้ยึดมั่นถือมั่น
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561