ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ลูกขอโอกาสส่งการบ้านเจ้าค่ะ ด้วยความเมตตาขอองค์หลวงตาเจ้าค่ะ ลูกขอสรุปความเห็นเข้าใจว่า เมื่อเห็นหรือได้พบเจอธาตุรู้ที่เป็นความว่าง (เปรียบดั่งท้องฟ้า) หรือความว่าง ดั่งบรรยากาศหรืออากาศรอบ ๆ ตัวเราที่เงียบ สงบ สงัด ดังนั้นจึงรู้ว่าตัวตน (กายเนื้อและขันธ์ห้า) มันไม่มี ไม่มีอะไรเลยอยู่ในความว่างนั้นเจ้าค่ะ มันเป็นเหมือนความว่างดั่งอากาศหรือบรรยากาศรอบ ๆ นั้นเจ้าค่ะ ทั้ง ๆ ที่ลูกเดินอยู่ ยืนอยู่ เหมือนดั่ง กายเนื้อของลูกหายไปกับอากาศเจ้าค่ะ ลูกจึงสรุปว่า ลูกพบเจอใจ หรือ ธาตุรู้ เมื่อเห็นหรือความรู้สึกว่า ตัวตน กายเนื้อไม่มี เห็นขันธ์ห้า (มันเล่นละครไปในแต่ละวัน) โดยสักแต่ว่ารู้ แค่รู้ ไม่ยึดไม่ติดไปกับขันธ์ห้านั้น ๆ และอยู่กับรู้ที่ไม่มี ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ อยู่กับธาตุรู้ ที่เป็นธรรมชาตินั้นไปตลอด ลูกขอองค์หลวงตาชี้แนะความเห็นความเข้าใจของลูกด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ยังหลงยึดถือร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นขันธ์ห้าเป็นตัวตนของเรา แล้วหลงเอาตัวเราที่เกิดจากการปรุงแต่งยึดถือ ไปพึงพอใจติดใจยินดียึดถือความว่าง จึงไม่ว่างจากตัวตนของเรา และไม่ว่างเปล่าจากกิเลส คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ชาติ .. และความทุกข์ทั้งมวล
***** วิธีแก้ คือ ให้ถามใจตนเองว่า นอกจากตัวเราแล้ว มีใครรู้ว่าเราว่างหรือใจของเราว่างบ้างหรือไม่ ก็จะได้รับคำตอบว่า มีเพียงหนึ่งคนที่รู้ ก็คือตัวเรา
จึงให้มีสติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร สังเกตที่ “ผู้รู้” (วิญญาณขันธ์) ซึ่งเป็นสังขาร คือ สิ่งปรุงแต่ง อย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าผู้รู้จะพูด พากษ์อยู่ในใจตลอดเวลา เพราะมีเจตสิก คือ เวทนา สัญญา สังขาร เข้าประกอบจิตหรือวิญญาณขันธ์ที่เกิดมารู้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ คือ อาการของจิตใจทุกดวงในปัจจุบันขณะที่มีการกระทบหรือผัสสะ
เมื่อพบเห็นผู้รู้ที่คิดหรือปรุงแต่งแล้ว ก็สักแต่ว่ารู้ หรือ ปล่อยวาง หรือ ไม่มีผู้เสวย หรือไม่มีผู้ยึดถือผู้รู้ที่ปรุงแต่ง หรือ ผู้รู้ตัวปลอมนั้นเลย
เมื่อสิ้นผู้หลงยึดถือผู้รู้ตัวปลอม ก็จะพบผู้รู้ตัวจริงที่เป็นธรรมธาตุ หรือเป็นธรรมชาติแท้ ที่ไม่มีอะไรปรากฏเลย เป็นวิสังขาร คือ ไม่ปรุงแต่ง เป็นเหมือนความว่างเปล่าของธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เป็นของเรา เป็นเรา หรือเป็นตัวเรา
เมื่อสิ้นผู้เสวย หรือ สิ้นผู้ยึดถือผู้รู้ตัวจริง
***** ก็จะมีแต่ธรรมชาติของสังขาร ปรากฏการณ์เกิดดับ ในท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่มีอะไรปรากฏ โดยไม่หลงมีตัวตนของเราไปหลงยึดถือผู้ยึดถืออะไรอีกเลยตลอดกาล
เมื่อสิ้นผู้ยึดถือ ก็สิ้นกิเลส พ้นทุกข์ (นิพพาน)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2561