ผู้ถาม : กราบมนัสการความเมตตาหลวงตาค่ะ ธรรมชาติ เงียบ สงบ งดงาม ไม่ต้องปรุงแต่งเขาเองจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ลูกก็ไม่สงบ ไม่ลงตัว ไม่สิ้นปรุงแต่ง อย่างหลวงตากล่าวจริง ๆ ค่ะ บางครั้งเมื่อหลงไปแล้ว กลับมาต้องจงใจตั้งอยู่เพื่อให้อยู่กับปัจจุบัน ยังมีตัวตนอยู่ค่ะ และไฟล์ “ปล่อยขันธ์ 5 ทำงานโดยอิสระ” ลูกตั้งใจฟังหลาย ๆ รอบ และไฟล์อื่น ๆ ด้วยค่ะ ฟังให้ลงแก่ใจอย่างธรรมชาติ เมื่อลูกระลึกได้ถึงคำสอนของหลวงตาที่ว่าสิ้นอาลัย สิ้นโลกและได้หันมามองลูก, พ่อแม่ น้ำตาไหลทุกครั้งค่ะ กราบหลวงตาด้วยความเมตตาไม่มีที่สิ้นไม่มีประมาณของหลวงตาค่ะ
หลวงตา : สายใยผูกใจ ช่างเหนียวนัก ความจริง ไม่มีใครต้องละทิ้งใคร เพียงแต่หลงคิดปรุงแต่งไปเอง เพียงแต่เพียรมีสติ สมาธิ ปัญญา รวมเป็นหนึ่งในปัจจุบันขณะ สังเกตจิตอยู่อย่างเงียบเชียบจริง ๆ จนขณะจิตหนึ่ง เห็นจิตสังขารเริ่มต้นคิดหรือแสดงอาการขึ้นมาจากความไม่มีอะไร แล้วก็ดับไป
“จิตสังขาร” ที่เกิดขึ้นมาแล้วดับไปในทุกปัจจุบันขณะ เช่น ความคิด นึก ตรึก ตรอง ปรุงแต่งต่าง ๆ พยายามเพ่ง จ้อง มอง ดู รู้ เห็น อยากให้ได้ ให้เป็น หรือไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นต้น
โดยเพียรสังเกตจนขณะจิตหนึ่ง เห็นจิตสังขารเกิดขึ้นมาจากความไม่มีอะไร แล้วก็ดับไป แล้วจิตดวงใหม่ก็คิดหรือแสดงอาการขึ้นมาจากความไม่มีอะไร แล้วก็ดับไปอีก อย่างนี้เรื่อยไป โดยไม่หลงไปเป็นสังขาร คือ หลงปรุงแต่งยึดถือว่ามีตัวเราเป็นตัวเป็นตน แล้วหลงเอาตัวตนที่หลงปรุงแต่งยึดถือขึ้นมานั้น ไปยึดถือร่างกาย และจิตใจ ทั้งตัวเราและคนอื่น หลงคิดปรุงแต่งเพลินใจ หลงคิดปรุงแต่งดิ้นรนค้นหาธรรมหรือนิพพาน หลงไปแสดงอาการพยายามดู รู้ เห็น อาการของจิต ซึ่งเป็นเงาหรือมายา
เมื่อยังหลงยึดถือสังขารเป็นเรา ตัวเรา หรือของเรา แล้วเอาตัวเราไปยึดถืออย่างอื่นอีก จึงยังมีผู้ทุกข์อยู่ ส่วนธรรมธาตุรู้ตามธรรมชาติ เป็น วิสังขาร ไม่มีตัวตน จึงไม่อาจคิดปรุงแต่งหลงยึดถือร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นขันธ์ของเราและคนอื่น ให้เป็นทุกข์ได้
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561