ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ขอโอกาสส่งการบ้านค่ะ ในชีวิตประจำวันหนูก็ฟังไฟล์เสียงหลวงตา และก็ดูจิตคิดนึกตรึกตรองปรุงแต่ง แต่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นคือ เมื่อเช้าหนูปวดท้องมากเหมือนท้องจะเสีย
จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วอยู่ ๆ ก็วูบไปโดยไม่ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ลงไปกองอยู่พื้นห้องน้ำแล้ว แต่ในขณะที่วูบล้มอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ถึงจะไม่รู้สึกว่ากายมันล้มลง แต่มันเห็นจิตพูดตลอดเวลา ว่าคิดเรื่องปวดท้องมาก ๆๆ
ไม่เคยปวดอย่างนี้มาก่อน จะทำอย่างไรให้หายปวด แล้วก็มาคิดเรื่องดูจิต ว่าให้ดูจิตสิและพิจารณาสิ เดี๋ยวก็หายปวด และก็คิดว่าดูไปก็ไม่หายปวด เดี๋ยวก็เป็นหนักขึ้น ซึ่งมันก็พูดเรื่องดูจิตต่าง ๆ นานา พอมารู้ตัวจากอาการวูบ ก็ลุกขึ้นมาตามปกติ
แล้วสักพักพอไม่มีอาการ ก็มาพิจารณาถึงว่า เมื่อสักครู่ตอนที่วูบ ถึงแม้จะไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไปดูจิตตลอด แต่ที่ดูจิตตอนนั้นเป็นเพียงแค่อาการของจิต และผู้รู้ตัวปลอม ที่คอยบอกให้ดูจิต ให้พิจารณาต่างๆ นานา แล้วก็คิดนึกตรึกตรอง ปรุงแต่ง
ถึงแม้ว่า ณ ขณะที่วูบนั้น มันก็มีรู้สึกขึ้นมานิดหนึ่งนะคะว่า อันนี้หลงไปทำตามผู้รู้ตัวปลอม ที่คอยบอกให้เร่งพิจารณา ไม่ใช่ผู้รู้ตัวจริง แต่ก็รู้สึกว่าไม่สามารถหลุดออกมาได้ และก็อยากหลุดจากความคิดปรุงแต่ง พอมาพิจารณาภายหลังพบว่า
หากยังอยากให้หลุดก็เลยไม่หลุด ในขณะนั้นมีแต่ความปรุงแต่ง จริง ๆ ก็แค่รู้ทุกอาการที่เกิดขึ้น ไม่ไปอะไรอะไรกับมันก็พอแล้ว
ที่หนูเข้าใจถูกต้องหรือไม่คะ และอาการวูบที่หนูพบเหมือนกับจิตที่ใกล้ตายไหมคะ แล้วถ้าหนูตายในขณะที่หลงกับผู้รู้ตัวปลอม ตายไปแล้วก็ต้องเกิดอีกต่อไปไม่จบสิ้น ทำให้หนูสลดสังเวช และรู้สึกว่าต้องเร่งปฏิบัติต่อไป เพื่อให้พ้นทุกข์ก่อนที่ความตายจะมาถึงจริง ๆ
กราบเท้านมัสการมาด้วยความเคารพสูงสุด
หลวงตา : ความคิด ความรู้สึกว่า เราอยากหลุดออกจากสิ่งที่ติดไป ก็หลงมีตัวตนของเราอยากหงุดออกจากความคิด อาการของจิต
*****โดยเฉพาะอยากหลุดออกจากที่ “จิต”
อย่างนี้ มันเป็นกิเลส (อวิชชา ตัณหา อุปาทาน) เพื่อให้ตัวเราว่างเปล่าจากจิตปรุงแต่งหรือจากอาการของจิต
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561