ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ ไม่รู้มันเป็นอย่างไร เหมือนมีเหตุบางอย่าง มาทำให้เห็นความทุกข์ของการทำอะไรเพื่อตัวเราเอง แค่จับยึดอะไรไว้มันก็ทุกข์แล้ว ยิ่งไปทำอะไรเพื่อตัวเอง ไปทำอะไรให้เป็นอะไรมันยิ่งทุกข์ ยิ่งการพิจารณาสังขารวิสังขารหรือพยายามรู้ละปล่อยวางอะไร ยิ่งทำไม่ได้เลย มันปวดหัวหนักหัวมาก ๆ มันเหมือนเป็นภาคบังคับจากอะไรก็ไม่รู้ บังคับให้มันต้องหยุดดิ้นรนปรุงแต่งเพื่อตัวเอง ต้องปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างไม่มีทางฝืนเจ้าค่ะ
เหมือนอะไรสักอย่างที่เคยยึดจับไว้เป็นหลัก เพื่อไปสู่ความพ้นทุกข์ มันยึดไม่ได้แล้ว ต้องปล่อยให้เข้าสู่กองทุกข์ เรียนรู้ทุกข์ไปจริง ๆ หลงคิดแม้แค่เศษเสี้ยวที่เข้าไปรวม อินกับอะไร มันหนักมาก ทนไม่ไหวจนมันต้องเลิกอินของมันเองเจ้าค่ะ ทำไมมันเหมือนไม่เคยรู้มาก่อนว่าการไปอะไรกับอะไร มันทุกข์ขนาดนี้ก็ไม่รู้เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
นั่นแหละ มันใกล้จะพ้นทุกข์แล้ว เพราะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม” คือ เมื่อรู้เห็นด้วยใจว่า เหตุที่ปรุงแต่งในปัจจุบันขณะเช่นนั้น มันเป็นทุกข์ ทนได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงยอมปล่อยวางการปรุงแต่ง ที่จะทำให้เกิดทุกข์ การปรุงแต่งที่จะทำให้เกิดทุกข์จึงน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561