ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา อยู่ ๆ ก็ไม่สบายปวดตัว, ปวดหัวและเวทนาเยอะมาก ๆ กลายเป็นปวดหัว, ปวดตัว, อาเจียนหลายรอบมากเลยไปนอน เวทนาก็หนักมาก แต่ความกังวลมันน้อยลงเจ้าค่ะ ระหว่างนอนก็รู้ว่า แทบจะเป็นเนื้อเดียวกันกับเวทนาไปเลย ปวดหัวจะแตก มันก็ดิ้นรนนะคะ สามีบอกว่าท่าทางได้เวลาทานยาขมซินะ ซึ่งก็แปลกเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้มันก็ปรุงขึ้นมาว่า เอ๋…หรือว่าได้เวลายาขมเจ้าค่ะ ถึงได้เวทนาแรงขนาดนี้เป็นแต่ละทีหนักอยู่เจ้าค่ะ ตอนนั้นไม่รู้เรียกอะไรแต่ข้างในหมุนติ้วเลยค่ะ…ทุกเรื่องมันขึ้นมาหมดแบบพรวดเดียว…งาน สุขภาพมันออกมาหมด ถ้าไม่มีสติน่าจะอีรุงตุงนังไปยึดเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ตกใจและไม่ได้ติดไปกับเรื่องอะไร มันอธิษฐานปรับธาตุขันธ์เอง และเกิดสติขึ้นมาท่ามกลางเวทนาที่แรง ๆ… มันก็รู้ขึ้นมาพรึบนึงว่าเป็นการฝึกตายอย่างหนึ่งค่ะ แต่ถ้าของจริงเวลาตายก็จะแรงกว่าตรงธาตุไฟแตกแล้ว มันจะเจ็บเนื้อตัวเหมือนที่เคยผ่านมา แต่รอบนี้มันไม่รุนแรงเท่า… หลังจากมีสติขึ้นจากการอธิษฐานจิต มีการปรุงแต่งเป็นตัวเอง และเวทนามันแยกออกจากกัน และขันธ์ห้าก็ทำงานเป็นอิสระ คือ ความเจ็บปวดมันมีอยู่ แต่เป็นอาการที่เข้าไปจับเวทนาจริงจังเหมือนเมื่อตอนแรกไม่มี และเกิดความปรุงแต่งเป็นอัตตาที่ห่วงร่างกายตัวเองจะเป็นโน้นนี่เกิด ๆ ดับ ๆ ไปในความไม่มี (ตอนอาเจียนหมดแล้วมันได้ยินทุกเสียงน้ำย่อยร้องตลอดเวลา.. มันกลัวกัดกระเพราะก็ปรุงไปเรื่อยว่าน่าจะต้องไปกินขนมปังสักหน่อย) ทุก ๆ ตัวที่เข้าไปรู้ก็ดับไป ๆ ในท่ามกลางความสงบ ตอนนั้นร่างกายมันหมดสภาพเห็นเลยว่าหมดสภาพมือไม้ไม่มีแรง แรงที่มือไม่มี แล้วมันก็ชามือไปหมด… นอนหงายแล้วมือก็หงายเหมือนตอนเขารดน้ำที่ศพ… มีความรู้สึกขึ้นมาว่านี่ก็ตายง่าย ๆ ได้เหมือนกันนะนี่ มันไม่ได้น้อมว่าจะกำลังจะตาย… แต่มันรู้ไปเลยว่าสภาพตายไม่ต่างกันกับที่เป็นอยู่ แล้วเวลาเวทนาแรงกล้ามันเป็นสภาพที่ทุกข์ที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเป็นไปเอง คือ การพิจารณาธรรมเป็นไปเองในเรื่องขันธ์ห้า รูปนามทุกตัวเกิดดับไปในความไม่มีอะไร มาจากดินน้ำลมไฟ คืนสู่ดินน้ำลมไฟ คืนสู่ธรรมชาติ (เข้าใจว่าเกิดจากการฝึกที่ไม่ได้ฝึกเจ้าค่ะ เขาเป็นของเขาไปเอง) มันไม่ได้กังวลอะไรและไม่ถามถึงเรื่องยังเป็นห่วงใคร ต้องบอกกล่าวใครว่าเป็นอะไร อะไรที่ยังยึดอยู่ เพราะทุกอย่างที่เกิด มันดันดับไปเอง ๆๆๆ ในท่ามกลางความสงบอยู่… เลยไม่มีคำพูดต่อจากนี้ ฝึกมาทั้งหมดเพื่อเวลาของจริงเกิดขึ้น… คือตายก่อนตาย หากผิดไปจากธรรมตรงไหน กราบขอโอกาสองค์หลวงตาโปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ แบบนี้เรียกว่าการฝึกตายก่อนตายได้ไหมเจ้าคะ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ หลวงตา : ถึงเวลาที่ธรรมและบุญบารมีบังคับให้ต้องกินยาขม เพราะในชีวิตประจำวันยังประมาทอยู่ ให้รู้ซะบ้างว่าที่ปฏิบัติธรรมมานั้น รู้จริงด้วยใจ เห็นจริงด้วยใจ ใจเป็นธรรมธาตุ (ใจเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง วิสังขารธรรม อสังขตธรรม นิพพานธาตุ สุญญตาธาตุ ธรรมธาตุ อมตธาตุ หรือ อมตธรรมโดยถาวรสิ้นเชิง) จริงหรือเปล่า หรือ เป็นเพียงแค่สัญญา (ความจำได้) เท่านั้น ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565