ปรารภเหตุจากการสนทนาธรรมที่องค์หลวงตาเมตตาวาดภาพประกอบการอธิบาย เกี่ยวกับวงจรปฏิจจสมุปบาท และปุจฉาวิสัชนาที่ต่อเนื่อง ดังนี้ หลวงตา : ในแผ่นที่หนึ่ง; หลงยึดจิตหรือใจดั้งเดิม หรือ ธาตุรู้ (วิญญาณธาตุ) ตามธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเหมือนความว่างของธรรมชาติ (เป็นความไม่มี) แต่มีความรู้ในตัวเองว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา จากไม่มี จึงกลายเป็นความมี มีตัวตนเป็นกายโปร่งแสง (กายทิพย์) จะทำหน้าที่เป็นผู้รู้ ผู้คิดตรึกตรองปรุงแต่ง วิพากษ์ วิจารณ์ ซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จากกายทิพย์ก็สร้างเป็นกายหยาบ เช่น ขันธ์ห้าของมนุษย์ และ สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อมีการหลงยึดถือเป็นเรา ตัวเรา ของเรา ดังนั้น ภายในจิตบริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์ หรือ ธาตุรู้บริสุทธิ์เดิมแท้ (ซึ่งปกติจะเป็นความว่างและธาตุรู้ที่ไม่ปรากฏอะไรรวมอยู่ในความว่าง) จะปรากฏเป็นเหมือนก้อนนิวเคลียสลอยอยู่ในความว่าง (หลงยึดเป็นอัตตาตัวตน) เป็นเหตุปัจจัยสร้างเป็นวงของปฏิจจสมุปบาทห่อหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง คืออวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารกรรม สังขารกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณกรรมสร้างภพชาติพร้อมที่จะไปเวียนว่ายตายเกิดต่อไป เมื่อสิ้นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ก้อนนิวเคลียส และ วงหรือเปลือกหุ้มก็จะหายไป จะเหลือแต่จิตบริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์ หรือ วิญญาณธาตุบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นความรู้ของธาตุรู้บริสุทธิ์ (พุทธะ) ที่ไม่ปรากฏ ในแผ่นที่สอง; แม้ “สิ้นยึด” เป็นสอุปาทิเสสนิพพานแล้ว แต่ขันธ์ห้ายังไม่แตกดับ (ตาย) ส่วนที่เป็นนามขันธ์ คือ จิต หรือ วิญญาณขันธ์ ก็ยังทำหน้าที่รับรู้อายตนะภายนอก โดยทำงานร่วมกับเจตสิกอีกสามขันธ์ คือ เวทนา สัญญา สังขาร ทุกปัจจุบันขณะ ซึ่งมีลักษณะเป็นคลื่นพลังงาน (wave หรือ vibration) เกิดดับในความว่าง จนกว่าขันธ์ห้าจะแตกดับหรือตาย คลื่นพลังงานซึ่งเป็นนามขันธ์ก็ดับหายไป เหลือแต่ความว่างและความรู้ของธาตุรู้บริสุทธิ์ (พุทธะ) รวมอยู่ในความว่าง ในแผ่นที่สาม; ความว่างจะเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีความรู้ ส่วนความรู้ของธาตุรู้บริสุทธิ์จะไม่มีอะไรปรากฏ แต่รู้เรา (ไม่ใช่เรารู้) ซึ่งรู้แจ้งในสัจธรรม รู้สิ้นยึด รู้สิ้นหลง รู้ตื่น รู้เบิกบาน ซึ่งเรียกว่า “พุทธะ” รู้โดยไม่มีจุด ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีตัวตนของผู้รู้ โยม 1 : ธาตุรู้ที่บริสุทธิ์แล้ว จะมีความรู้อยู่รวมกับความว่างในจักรวาล ความรู้ไม่ได้หายสูญไปไหนใช่ไหมครับ หลวงตา : ความรู้ (พุทธะ) ของจิตบริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์ หรือ ธาตุรู้บริสุทธิ์ เป็นอมตธาตุ ไม่เกิดดับ ไม่สูญหาย โยม 1 : นี่คือความลับของจักรวาลที่ศาสดาอื่นไม่เคยรู้ไม่เคยพบ นอกจากพระพุทธเจ้า ใช่ไหมครับผม หลวงตา : สาธุ... ใช่แล้ว ~~~~~~~~~~~~~~~ โยม 2 : กราบขอโอกาสสอบทานความเข้าใจเจ้าค่ะ “ความรู้ของพุทธะ” เป็นคุณสมบัติของธาตุรู้บริสุทธิ์ (วิสังขาร อสังขตธาตุ สุญญตาธาตุ นิพพานธาตุ ธรรมธาตุ) เมื่อสิ้นหลงปรุงแต่งยึดถือทั้งสังขารและใจที่ไม่สังขาร เป็นใจที่สิ้นหลงปรุงแต่ง ใจที่สิ้นยึด ใจบริสุทธิ์ ความรู้ของพุทธะ หรือ ความรู้ของธาตุรู้บริสุทธิ์ เป็นความรู้ที่รวมทั้งบุญ วาสนา บารมีที่ได้สะสมมา ซึ่งไม่เท่ากันในพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ แต่ไม่แตกต่างกันในความบริสุทธิ์ คือ สิ้นยึดและบริสุทธิ์เท่ากัน กราบขอโอกาสหลวงตาเมตตาชี้แนะ หากมีสิ่งใดคลาดเคลื่อนจากธรรมเจ้าค่ะ (กราบ กราบ กราบ) หลวงตา : สาธุ... ใช่แล้ว หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโยโอวาทธรรมจากสนทนาธรรมกับคณะศิษย์วันที่ 7 ตุลาคม 2563 ~~~~~~~~~~~~~~~