โยม : "จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค"
อันนี้หนูก็ยังสงสัยเจ้าค่ะหลวงตา แต่เดาว่าหมายถึงใจ (วิสังขาร)... รู้ตัวเอง หรือเปล่าเจ้าคะ?
หลวงตา : “จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค ผลแห่งจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ”
หมายถึง ;
ญาณเห็นจิตเหมือนดั่งตาเห็นรูป คือ ญาณรู้เห็นจิตที่คิดนึก ตรึกตรอง ปรุงแต่ง แสดงกิริยา หรือ อาการต่าง ๆ ในปัจจุบันขณะ เกิดเองดับเองตามเหตุปัจจัย เป็น
(ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ)
รู้แบบ one way คือ จะไม่ย้อนกลับมารู้เห็นใจ (ผู้รู้) หรือ ไม่ปรากฏผู้รู้
เหมือนกับตาเห็นรูป จะปรากฏแต่รูปที่มาให้เห็นแล้วดับไป ๆ ๆ ๆ โดยจะไม่ย้อนกลับมารู้เห็นตา หรือ ปรากฏแต่รูปที่ถูกเห็นจะไม่ปรากฏตาผู้เห็น
อีกกรณีหนึ่ง
“จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง” หมายถึง ในปัจจุบันขณะ ต้องบอกตนเองได้ว่า
พฤติกรรมของจิตอย่างนี้ แสดงว่าหลงคิดปรุงแต่ง หรือ หลงส่งจิตออกนอกไปยินดี ยินร้าย มีความหลงเพลินใจ กังวลใจต่อรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สัมผัส)
ต้องมีสติ สมาธิ ปัญญา รู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ ถอนความพอใจ และ ความไม่พอใจที่จะทำพฤติกรรมในจิตอย่างนั้นเสียได้
พฤติกรรมของจิตอย่างนี้ แสดงว่าหลงติดจมแช่นิ่งอยู่กับอารมณ์ที่ถูกรู้ หรือ อาการของจิตที่ถูกใจ เช่น ยินดีพอใจ อาการว่าง โล่ง โปร่ง เบา สบาย สงบ นิ่ง เฉย หรือ ไม่ยินดี ไม่พอใจ ดิ้นรนผลักไสอาการของจิตที่ไม่ถูกใจ (กรณีเช่นนี้ก็หลงส่งจิตออกนอกไปยุ่งวุ่นวายกับอาการที่ถูกรู้)
ต้องมีสติ สมาธิ ปัญญา รู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ ถอนความพอใจ และ ความไม่พอใจที่จะทำพฤติกรรมในจิตอย่างนั้นเสียได้
พฤติกรรมของจิตเช่นนี้หลงสะกดจิตตนเอง เช่น มีอาการนิ่ง เฉย จุก แน่น ทึบ อยู่ภายในจนมีอาการซึมเซา (กรณีเช่นนี้ก็หลงส่งจิตออกนอกไปหาธรรมมารมณ์ คือ ไปยุ่งวุ่นวายกับอาการของใจที่ถูกรู้)
ต้องมีสติ สมาธิ ปัญญา รู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ ถอนความพอใจ และ ความไม่พอใจที่จะทำพฤติกรรมเช่นนั้นในจิตเสียได้
พฤติกรรมของจิตในปัจจุบันขณะเช่นนี้ แสดงถึงความหลงยึดมั่นถือมั่นขันธ์ห้าว่ามีเรา ตัวเรา ของเรา เป็นตัวตนที่เที่ยง แล้วหลงเอาตัวเราพยายามกระทำอะไรด้วยกิเลสตัณหา
ต้องมีสติ สมาธิ ปัญญา รู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ ถอนความพอใจ และ ความไม่พอใจที่จะทำพฤติกรรมเช่นนั้นในจิตเสียได้
การรู้แจ้งจากใจในปัจจุบันขณะอย่างนี้ คือ ญาณเห็นจิตเหมือนดั่งตาเห็นรูป คือ ญาณรู้เห็นจิตที่คิดนึกตรึกตรองปรุงแต่งแสดงกิริยา หรือ อาการต่าง ๆ ในปัจจุบันขณะ เกิดเองดับเองตามเหตุปัจจัย เป็น
(ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ) รู้แบบ one way คือ จะไม่ย้อนกลับมารู้เห็นใจ (ผู้รู้) หรือ ไม่ปรากฏผู้รู้
เหมือนกับตาเห็นรูป จะปรากฏแต่รูปที่มาให้เห็นแล้วดับไป ๆ ๆ ๆ โดยจะไม่ย้อนกลับมารู้เห็นตา หรือ ปรากฏแต่รูปที่ถูกเห็น... จะไม่ปรากฏตาผู้เห็น
ซึ่งกรณีนี้ จะไม่มี "ผู้เสวย" ให้เป็นทุกข์
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
19 ตุลาคม 2563
ติดตามสื่อธรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจถึงใจเพิ่มเติม
ทำญาณให้เห็นจิต เหมือนดั่งตาเห็นรูป โอวาทธรรม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2625689497691064&id=1898368500423171
จิตเห็นจิต...ตอนที่ 1/2 ดูจิต ผิดกลับด้าน "รู้เกิดดับ แต่ตัวเราไม่เกิดดับ"
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-20-39/2017-10-14-13-21-12/63/dm-teaching-63-q1/item/5007-03-mar02-63-ot-63-q1-31
จิตเห็นจิต...ตอนที่ 2/2 จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-20-39/2017-10-14-13-21-12/63/dm-teaching-63-q1/item/5008-03-mar02-63-ot-63-q1-32
ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม : ไฟล์เสียงและสื่อธรรม ชุด สมาธิ ฌาน ญาณ (สมถะ วิปัสสนา)
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-20-39/2020-02-06-08-06-17/item/6070-10-oct19-63-dama-info-46
ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม : ไฟล์เสียงและสื่อธรรม ชุด ธรรมอันเป็นที่สุด
http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2017-10-14-13-20-39/2020-02-06-08-06-17/item/6071-10-oct19-63-dama-info-47
~~~~~~~~~~~~~~~