ท่านสังเกตมั้ย “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” ที่พระพุทธเจ้าตรัสเทศน์ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า อัญญาโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันก่อน เห็นว่า "ยังกิญจิ สุมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ ฯ" สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหมดนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
ทำไมไม่บรรลุอรหันต์เล่า ทำไมไม่บรรลุพระนิพพานเล่า ทำไมบรรลุแค่โสดาบัน เพราะว่าเห็นจนกระทั่งเห็นว่ากาย คือ ลมหายใจเข้าออกเป็นเครื่องปรุงแต่งกาย แล้วก็แม้แต่บางทีก็เห็นกายผุพังสลายเน่าเปื่อยไป ไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นกาย แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นจิตที่เกิดเองดับเอง แต่ทำไมไม่บรรลุอรหันต์ไม่บรรลุนิพพานเล่า ทำไมติดแค่ยังโสดาบันอยู่เล่า
ตรงนี้พระพุทธเจ้าก็เลยมาตรัสเทศน์เรื่อง "อนัตตลักขณสูตร" ต่ออีก เพราะว่าปัญจวัคคีย์ทั้งห้าบรรลุโสดาบันแล้วก็เลยต้องมาเทศน์อนัตตลักขณสูตรว่า...
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือขันธ์ห้าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เป็นอัตตาตัวตนคงที่ ไม่ใช่เป็นเราเป็นตัวเราเป็นตัวตนของเรา อย่าไปหลงยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา พอเทศน์จบปุ๊บ! ปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็พิจารณาตาม ก็บรรลุอรหันต์หมด
แต่ถ้าเราอ่านแค่พระสูตรแค่นี้ หลายคนก็สวดมนต์อยู่เป็นประจำอนัตตลักขณสูตรน่ะ แต่มันไม่มีวิธีปฏิบัติ แล้วก็ไม่เข้าใจว่าธัมมจักกัปปวัตนสูตรก็สวดอยู่เป็นประจำ แล้วจบธัมมจักกัปปวัตนสูตร ก็สวดอนัตตลักขณสูตรต่อ แต่ทำไมตอนสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรไม่บรรลุโสดาบันเหมือนปัญจวัคคีย์ทั้งห้า แล้วมาสวดอนัตตลักขณสูตรต่อ ทำไมไม่บรรลุพระอรหันต์เหมือนกับปัญจวัคคีย์ทั้งห้าเล่า?เพราะมันไม่มีวิธีปฏิบัติ
หลวงตาก็มาพิจารณาดูจากการปฏิบัติ แล้วก็เข้าใจเอาว่า ท่านเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหมดนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา คือเห็นทั้ง "สังขารปรุงแต่งกาย" เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหมดนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
และเห็น “จิตตสังขาร” หรือจิตที่คิดนึกตรึกตรองปรุงแต่งเป็นสิ่งเกิดดับเป็นธรรมดา ท่านเห็นอยู่อย่างนี้ด้วยใจของท่าน รู้ด้วยใจเห็นด้วยใจ เป็นปัญญารู้แจ้งที่ใจเห็นว่า “ยังกิญจิ สุมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ ฯ” แต่... ผู้รู้ผู้เห็นน่ะ ยังเป็นตัวเราอยู่!
เห็นว่าทั้งกายและจิตเกิดดับ ๆ เหมือนแสงหิ่งห้อย เหมือนฟ้าแลบ เหมือนต่อมน้ำ จนกระทั่งจิตที่หยาบ ปานกลาง จนละเอียดที่สุดถึงขั้นปรมาณู เดี๋ยวนี้เขาว่ามันเลยไปถึงอะตอม เลยไปถึงควาร์ก ที่มันละเอียดที่สุดเนี่ย มันก็เกิดดับ ๆ ทั้งสสารและพลังงานทั้งหมดจนละเอียดที่สุด ก็เป็นสิ่งเกิดดับ ๆ ๆ
แต่คนที่รู้เกิดดับอยู่นั่นน่ะ เห็นเกิดดับน่ะ มันคือตัวเรายืนพื้นอยู่ เป็นตัวเรายืนพื้น เห็นสิ่งเกิดดับ แต่เราเห็นว่าตัวเราเนี่ยไม่เกิดดับ!!!
มันจึงยังไม่บรรลุพระนิพพาน ยังไม่ได้ปล่อยวางผู้รู้*** ไปยึดเอาผู้รู้เป็นตัวเรา เอาตัวเราเป็นผู้รู้ที่ยืนพื้นไว้
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
200223A2-2 ยามเฝ้าใจ
23 กุมภาพันธ์ 2563
ฟังจากยูทูป :
https://youtu.be/Y6XD-cTz2d0
~~~~~~~~~~~~~~~