หลวงตาณรงศักดิ์ ขีณาลโย

  • หน้าหลัก
  • สื่อธรรมะ
    • หนังสือธรรมะ
    • เสียงธรรม
      • เสียงธรรมรายปี
      • ไฟล์เสียงจัดชุด
    • CD
    • e-Book ปุจฉา-วิสัชนา
  • ปุจฉา-วิสัชนา
  • ภาพธรรม
  • วิดีโอธรรม
  • ธรรมทัศน์
  • ธรรมถึงใจ
  • ธรรมโอวาท
    • โอวาทธรรม
      • โอวาทธรรม 60-61
      • โอวาทธรรม 62
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 62
        • โอวาทธรรม เม.ย.- มิ.ย. 62
        • โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 62
        • โอวาทธรรม ต.ค. - ธ.ค. 62
      • โอวาทธรรม 63
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 63
        • โอวาทธรรม เม.ย. - มิ.ย. 63
        • โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 63
        • โอวาทธรรม ต.ค. - ธ.ค. 63
      • โอวาทธรรม 64
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 64
      • โอวาทธรรมถึงใจ
    • ปกิณกธรรม
    • ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม
    • โอวาทธรรมชุด
  • Other Languages
    • English
    • Deutsch

สัจธรรมของธรรมชาติ

 โอวาทธรรม 63 Q1 30 1

 

โอวาทธรรม 63 Q1 30 2

 

โอวาทธรรม 63 Q1 30 3

 

โยม : กราบหลวงตาเจ้าค่ะ

 

มีคำถามที่สงสัยเกิดขึ้นในใจเจ้าค่ะวันนี้ อยากรู้เพื่อความสิ้นสงสัยเจ้าค่ะ ขอหลวงตาอย่าถือสาหากคำใดที่หนูใช้ไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ

 

ในขณะที่กำลังอาบน้ำ สติก็อยู่กับการรู้ตัวว่าอาบน้ำ ชิว ๆ เจ้าค่ะ เกิดปรากฏเห็นรูปกายมันขยับท่านั้นท่านี้ ในขณะนั้นหนูไม่ได้รู้สึกว่ามีตัวเองอาบน้ำเลยเจ้าค่ะหลวงตา

 

เหมือนดูกายมันเคลื่อนไหวของมันเอง

 

สงสัยเจ้าค่ะหลวงตาว่า ที่กายมันเคลื่อนไหวท่านั้นท่านี้เหมือน อัตโนมัติเองอย่างนั้น เพราะมันมีธาตุลม หรือความว่าง หรืออะไรที่มีเหตุปัจจัยให้มันทำเจ้าคะ??

 

กราบขออภัยที่ไม่มีความรู้ตรงนี้เลยเจ้าค่ะ กราบหลวงตาเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ

 

~~~~~~~~~~~~~~~

 

หลวงตา : กายมันยังไม่ตาย มันก็เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้นแหละ มันก็ต้องเคลื่อนไหว เกิดดับ

 

จิตมันยังไม่ตาย (เพราะยังไม่ถึงอนุปาทิเสสนิพพาน) มันก็เป็นธรรมชาติที่เคลื่อนไหว เกิดดับ

 

แต่จิตบริสุทธิ์ หรือ ใจบริสุทธิ์ หรือ ธาตุรู้บริสุทธิ์ (เพราะสิ้นอวิชชา) เป็นธรรมชาติที่ได้แต่รู้แต่ไม่ปรากฏอะไร ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหว

 

มันเป็นธาตุชนิดหนึ่งเหมือนกับธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ (ความว่าง) แต่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ไม่มีความรู้ในตัวเอง ส่วนธาตุรู้บริสุทธิ์ มีความรู้ในตัวเอง ทั้งที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปลักษณ์ ไม่ปรากฏกิริยาหรืออาการใด ไม่มีอะไรปรากฏ มันจะเป็นเหมือนความว่าง (ธาตุอากาศ)

 

ในตัวเรานี้ จึงมีสิ่งที่เคลื่อนไหวเกิดดับสองอย่าง คือ กาย และ จิตปรุงแต่ง ซึ่งเป็นสังขาร เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ เป็นทุกข์ เพราะมีสภาพบีบคั้น เนื่องจากทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ เกิดแล้วต้องดับ หรือ แก่เจ็บตาย

 

ส่วนจิตบริสุทธิ์ หรือใจบริสุทธิ์ หรือธาตุรู้บริสุทธิ์ เป็นวิสังขาร ไม่เคลื่อนไหว ไม่เกิดดับ ไม่ปรากฏอะไรเลย ได้แต่รู้ ส่วนนี้เป็นส่วนที่พ้นจากทุกข์

 

ดังนั้น ที่โยมเห็นกายเคลื่อนไหวเอง แต่ใจไม่เคลื่อนไหวไปตามกายนั้น ก็ถูกต้องตามธรรมชาติแล้ว แต่ถ้าให้ดียิ่งกว่านี้ โยมต้องเห็นจิตเขาเคลื่อนไหวเอง แต่ใจไม่เคลื่อนไหวไปตามจิตด้วย

 

ถ้าเห็นอย่างนี้ จึงจะรู้แจ้งแก่ใจตนเองในสัจธรรมความจริงของธรรมชาติว่า ..........

 

กาย (กายสังขาร) เคลื่อนไหวเอง ดับเอง ส่วนใจ (วิสังขาร) ไม่เคลื่อนไหว ใจไม่ปรากฏอะไร ได้แต่รู้

 

จิต (จิตตสังขาร) เคลื่อนไหว เกิดเองดับเอง ส่วนใจ (วิสังขาร) ไม่เคลื่อนไหว ไม่ปรากฏอะไร ได้แต่รู้

 

ส่วนใจ (วิสังขาร) เป็นธรรมชาติที่ไม่ปรากฏอะไร ได้แต่รู้ เป็นส่วนที่พ้นทุกข์ (นิพพาน)

 

แต่ถ้ายังมีอวิชชา ก็จะมีตัณหา อุปาทาน คือ มีความรู้สึก หรือความคิดปรุงแต่งยึดถือกาย และ จิต ซึ่งเป็นสังขาร เป็นตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา

 

จะเป็นส่วนที่เกินธรรมชาติปกติของสังขาร เพราะธรรมชาติปกติของสังขารเขาเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา (ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ) เขาไม่ได้เป็นตัวตนคงที่ ไม่ใช่เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา

 

ส่วนวิสังขาร ก็เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอะไรปรากฏ จึงไม่มีอะไรที่จะยึดถือเป็นตัวเป็นตน เป็นเรา เป็นตัวเรา หรือ เป็นของเราได้

 

แต่เพราะความไม่รู้ หรือ ความโง่ (อวิชชา) จึงฝืนธรรมชาติตามความเป็นจริง หลงยึดถือสังขาร หรือ วิสังขาร ว่าเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา หรือ มีตัวเราอยู่ในสังขารหรือวิสังขาร แล้วก็หลงยึดถือเอาสังขารหรือวิสังขารมาเป็นของเรา

 

ดังนั้น เมื่อยังโง่หรือยังมีอวิชชาอยู่ แม้พระพุทธเจ้า หรือ พระสาวก จะบอกความจริงอย่างไร ก็จะฝืนความจริง หลงยึดมั่นถือมั่นทั้งสังขารและวิสังขาร จนเป็นทุกข์ โศก เศร้า เสียใจ คับแค้นใจ หดหู่ เหี่ยวแห้งใจ

 

เมื่อยังหลงยึดมั่นถือมั่นให้เป็นทุกข์อยู่ ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดให้เป็นทุกข์ในภพชาติใหม่ ๆ อีกต่อ ๆ ไป

 

ขณะจิตใดรู้เห็นสัจธรรมความจริงในสังขาร และวิสังขารด้วยใจ ก็จะสิ้นหลงยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเป็นตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา ก็จะพ้นทุกข์ (นิพพาน) จะสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดให้เป็นทุกข์อีกต่อไป

 

~~~~~~~~~~~~~~~~

 

โยม : น้อมกราบแทบเท้าหลวงตาที่เคารพบูชาเจ้าค่ะ

 

หมดความสงสัยแล้วเจ้าค่ะ (เพราะมันเป็นของมันอย่างนั้นอยู่แล้ว) เพราะมีสติแล้วจะเกิดปัญญาจริง ๆ ค่ะหลวงตา

 

เมื่อก่อนมันมองเห็นกายเป็นก้อนเป็นเราแบบแนบแน่น ไม่เคยคิด จะมีปัญญาได้เข้าใจขนาดนี้เจ้าค่ะ

 

เป็นบุญที่ตัวอยู่ไกล (ประเทศสวีเดน) แต่เหมือนอยู่ใกล้ ๆ ได้นั่งฟังหลวงตาเทศน์สอนเหมือนคนอื่นเลยเจ้าค่ะ

 

กราบสาธุเจ้าค่ะ

 

~~~~~~~~~~~~~~~

 

หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
1 มีนาคม 2563

 

Tweet
  • Social sharing:
  • Add to Facebook
  • Add to Delicious
  • Digg this
  • Add to StumbleUpon
  • Add to Technorati
  • Add to Reddit
  • Add to MySpace
  • Like this? Tweet it to your followers!

Related items

  • 250307B-4 อวิชชาในผู้รู้
  • 250307B-3 เรียนรู้ในเหตุ เข้าใจในผล
  • 250307B-2 พุทธะ ธรรมะ สังฆะ อยู่ที่ใจ
  • 250307B-1 เมื่อไม่ยึดถือก็ไม่ต้องปล่อยวาง
  • 240914A-5 เงื่อนไขบังธรรมเพราะความเข้าใจผิด
More in this category: « สักแต่ว่ารู้ปัจจุบันขณะ ... "นิพพาน" จิตเห็นจิต...ตอนที่ 1/2 ดูจิต ผิดกลับด้าน "รู้เกิดดับ แต่ตัวเราไม่เกิดดับ" »
back to top

Search

โอวาทธรรม Archive

  • โอวาทธรรม 60-61
  • โอวาทธรรม 62
    • ม.ค. - มี.ค. 62
    • เม.ย. - มิ.ย. 62
    • ก.ค. - ก.ย. 62
    • ต.ค. - ธ.ค. 62
  • โอวาทธรรม 63
    • ม.ค. - มี.ค. 63
    • เม.ย - มิ.ย. 63
    • ก.ค. - ก.ย. 63
    • ต.ค. - ธ.ค. 63
  • โอวาทธรรม 64
    • ม.ค. - มิ.ย. 64
  • โอวาทธรรมถึงใจ
  • ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม
  • โอวาทธรรมชุด

5BA01AEA 57EC 462B B6FB 90B6B03148ED

719CBB23 865C 4DF5 A1C8 222F752DCCBB

« May 2025 »
Mon Tue Wed Thu Fri Sat Sun
      1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31  

Facebook

เพจหลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย

บทถอนอธิษฐาน

  • บทถอนอธิษฐาน
Copyright © หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย 2025 All rights reserved.
โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 63