ถ้าท่านยังเลือกทางที่จะดิ้นรนทะยานอยาก
เลือกทางที่จะเอา อยากรู้ อยากเห็น อยากได้ อยากเป็น
ท่านก็เดินอยู่ในทางของ "ทุกข์ "
แต่ถ้าท่าน "ปล่อยวาง" ไม่เอาอะไรไม่ยึดถืออะไร
เห็นอยู่ รู้อยู่ สัมผัสอยู่ ... ทุกอย่างก็มีอยู่
แต่เค้าก็มีอยู่เก้อ ๆ อย่างงั้นแหละ
มันไม่ได้เอามาไว้ในใจที่สงบ เงียบสงัด ที่ว่างเปล่า
มันรู้แก่ใจว่าไม่ยึดถือใด ๆ เลย ไม่มีผู้ยึดถือใด ๆ
ไม่ยึดถือแม้แต่ใจที่สงบ และว่างเปล่านั้น
มันไม่ยึดถือใด ๆ เลยทั้งหมด
อันนั้นแหละ .. มันเหนือสุขเหนือทุกข์
เหนือบุญเหนือบาป เหนือกุศลอกุศลใด ๆ ทั้งหมด
แล้วมันพ้นไปจากทุกสิ่ง
และมันก็ไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ อีก
เพราะมันเป็นปัจจัตตัง เจ้าตัวจะรู้ได้ถึงใจ ... เป็นปัจจัตตัง
ถ้างั้นก็อยู่ที่ท่านทั้งหลายแหละ
ท่านจะเลือกเดินในทางปรุงแต่งยึดถือ ดิ้นรนทะยานอยาก
หรือ เลือกในทางที่ "ปล่อยวาง"
ถ้าท่านเลือกในทางที่ปรุงแต่งยึดถือดิ้นรนทะยานอยาก
ท่านก็เลือกเดินทางในทางที่เป็นกิเลสและความทุกข์
เป็น "สมุทัย" และ "ทุกข์"
ท่านเลือกเดินทางปล่อยวาง
ท่านก็เลือกเดินทางของ "มรรค" และ "นิโรธ"
ที่สุดก็ "จบลงที่ใจ" ที่ไม่มีทั้งความหลง
และ ไม่มีทั้งความพยายาม
ไม่มีทั้งความหลงไปกับความปรุงแต่งที่เป็นสมุทัยและทุกข์
และไม่มีความพยายาม ที่จะรู้เท่าทันสมุทัยและทุกข์ ที่เป็นมรรคและนิโรธ
มันพ้นไปจาก "อริยสัจ 4"
มันเป็นใจที่สงบและว่างเปล่า
มันพ้นไปจากอริยสัจ 4 พ้นไปจากสมมุติบัญญัติใด ๆ ทั้งมวล
มันไม่มีพูดแล้วว่า อันนี้มันอย่างไร
ไม่มีสมมุติบัญญัติ ไม่มีภาษาพูด มันพ้นจากกิริยา
ท่านว่า ... มันเป็น "อกิริยา"
"อกิริยา" นั้นแหละ ... มันเป็นที่สุดแห่งทุกข์
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง 190212B-3 อกิริยานั้นแหละเป็นที่สุดแห่งทุกข์