จะพัฒนาตนเองจะให้รู้ธรรม เห็นธรรม เป็นธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ไปเรียนอะไร ต้องเรียนรู้ที่ใจตนเอง เพราะกิเลสและความทุกข์ก็เกิดที่ "ใจ" ความสิ้นกิเลสและความทุกข์ก็สิ้นที่ "ใจ"
ความหลงสังขาร หลงเอาสังขารมาคิดปรุงแต่งเป็นตัวตน เป็นเรา ตัวเรา ของเรา แล้วหลงเอาสังขารนั้นมาคิดปรุงแต่งยึดถือขันธ์ห้าว่าเป็นตัวตน เป็นเรา ตัวเรา ของเรา
ความหลงว่ามีตัวเรา จึงมีความหลงยึดถือ เกิดเป็นกิเลสและความทุกข์ !!!
จึงต้องเพียรมีสติ ปัญญา รู้เห็นสังขารทั้งหมดเกิดเอง ดับเอง … เกิดเอง ดับเองทุกปัจจุบันขณะ โดยไม่ปรากฎตัวตนของผู้รู้
ถ้าปรากฎตัวตนของผู้รู้ ผู้คิด ผู้ยึดถือ ก็ให้เห็นว่าเขาเป็น "สังขาร" ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีผู้ใดหลงยึดถือ ไม่มีผู้ใดยุ่งเกี่ยว วุ่นวายกับเขาเลย
เมื่อไม่หลงยึดถือ ก็จะไม่มีตัวตนในปัจจุบัน ในมีตัวตนในอนาคต ไม่มีตัวตนในโลกอื่น
หรือเมื่อไม่หลงเอาสังขารมาปรุงแต่งเป็นเรา ตัวเรา หรือ ตัวตนของเรา ก็จะไม่มีตัวตนของเราไปยึดถือสิ่งใด ไม่มีตัวตนไปยึดถือร่างกายจิตใจ ไม่มีตัวตนยึดถือผู้รู้ให้เป็นทุกข์ หรือ พ้นทุกข์
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562