การคิด การพูด การกระทำ
รวมทั้งสภาวธรรมที่ปรากฏแล้วดับไป
รวมทั้งความรู้สึกว่าง
ก็เปลี่ยนไปทุกขณะปัจจุบัน เป็นขันธ์ห้า
เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง
เป็นทุกขัง เป็นที่ขังทุกข์ ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้
ต้องแก่เจ็บตาย จึงเป็น "อนัตตา"
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
อย่าไปหลงยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา
เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา
หรือมีตัวเราอยู่ในร่างกายเนื้อนี้
ส่วน "รู้" เป็นวิญญาณธาตุหรือ "ธาตุรู้"
ที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่อาจมีกริยาหรืออาการใดได้
จึงไม่มีการเกิดดับ และไม่ใช่ขันธ์ห้า
ได้แต่รู้ขันธ์ห้าตามความเป็นจริง
ไม่อาจคิดปรุงแต่ง ยึดถือ แทรกแซง มีความดิ้นรนทะยานอยาก หาถูกหาผิด หาเหตุหาผลได้
ธรรมชาติของเขาคงได้แต่แค่สักแต่ว่ารู้เท่านั้น
เมื่อไม่ยึดถือจึงไม่มีกิเลสและความทุกข์
ความไม่ยึดถือ คือ อุเบกขา
แต่ถ้ายึดถือความไม่ยึดถือ หรือยึดถืออุเบกขา ไม่ใช่อุเบกขา
**************
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
บันทึกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560