โยม : กราบเรียนหลวงตา
อยู่ ๆ มันก็เห็นว่าทุกสิ่งเป็นธรรมชาติที่เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น เช่นเดียวกับ การแก่ การเจ็บ การตายที่เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านของชีวิต
การเปลี่ยนผ่านของสภาวะธรรมภายในใจก็เช่นเดียวกัน
เมื่อคนแก่ก็ต้องหยุดทำงานเพราะทำไม่ไหว
เมื่อคนอิ่มมันก็ต้องหยุดกินเพราะกินไม่ไหว สภาวะภายในใจก็เหมือนกัน
พอมันเห็นความจริงมันก็เหมือนอยากจะพอของมันเอง มันอิ่มแล้วกับการหมุนเข้าไปในโลกหมุนเข้าไปจะเอาอะไร ๆ
ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำให้มันหยุดหมุน แค่มันพอแล้วที่จะหมุนต่อเท่านั้นเอง
พอมันหยุดจึงพบว่าทุกสิ่งมันก็แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ
ใช่... ที่ว่าโลกเป็นของทุกข์! แต่ทำไมมันกลับเห็นว่าความทุกข์ทั้งหลายในโลกมันเป็นของธรรมดา มันทุกข์ก็ของมันเกิดมาเดี๋ยวมันก็โดนบีบคั้นจนหายไปเอง
ทุกสิ่งก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ
โลกมันเงียบมาก ๆ ลูกมองไปเห็นต้นไม้มันช่างชัดเจนในรายละเอียด เห็น... โดยไม่ต้องมอง
และรู้สึกว่าต้นไม้นี้ผ่านอะไรมามาก มันเปลี่ยนแปลงมามากมายแล้ว และมันรู้สึกว่าธรรมชาตินี้มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน และมันแสดงความจริงตลอดเวลา
บางทีมันก็เงียบมากจนสงัด เหมือนไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลยเจ้าค่ะหลวงตา เงียบจนสงสัยว่ามันเป็นวันสุดท้ายของโลกหรือเปล่า
หลวงตา :
"ธรรมชาติ"... ในความเงียบมีความเคลื่อนไหว หรือ เสียงดัง
หรือ... ในท่ามกลางความเคลื่อนไหว หรือ เสียงดัง มีความเงียบ
ไม่มีผู้หลงไปกับความเคลื่อนไหว หรือ เสียงดัง และ ไม่มีผู้ยึดความเงียบ
แล้วจะพบ "สัจธรรม" ว่าธรรมชาติภายในร่างกาย และ จิตใจ กับธรรมชาติภายนอกเป็นอย่างเดียวกัน คือ ความเคลื่อนไหว (สังขาร) ย่อมเกิดดับอยู่ในธรรมชาติที่ไม่เกิดดับไม่ปรากฏอะไร (วิสังขาร)
ทั้งสังขาร และ วิสังขาร ไม่ใช่ตัวตนคงที่ ไม่ใช่เป็นเรา... เป็นตัวเรา... เป็นของเรา
ความจริงของธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา)...
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
13 กันยายน 2563
~~~~~~~~~~~~~~~