โยม 1 : กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
หนูขอน้อมกราบขอขมาคุณพระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์หลวงตา และอาจารย์ป้าหมอด้วยเจ้าค่ะ
ด้วยที่ว่า 2 วันที่ผ่านมา หนูฟังธรรมโดยไม่มีความเคารพในธรรม เพราะใจคอยใส่ใจแต่จะหาภาพและทำคลิปวีดีโอให้เสร็จ
ขณะฟังจึงฟังผ่าน ๆ บ้าง รู้แล้วบ้าง ซึ่งเต็มไปด้วยความหยาบของใจ เป็นมานะว่า... รู้แล้ว ผ่าน ไม่ได้มีใจนอบน้อมในพระธรรมที่แสดง องค์พ่อแม่ครูอาจารย์และอาจารย์ป้าหมอเลย
หนูขอกราบขอขมาองค์หลวงตาและอาจารย์ป้าหมอด้วยเจ้าค่ะ ขอได้โปรดอโหสิกรรมในความประพฤติที่หยาบและกระด้างเหล่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นโทษบาปเวรกรรมต่อไป และหนูขอให้สัญญาว่า... จะไม่ประพฤติผิดเช่นนี้อีก และจะสำรวมระวังในกาลต่อไปเจ้าค่ะ
ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทฺวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทฺวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทฺวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
อาจะริเย ปะมาเทนะ ทฺวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
อาจะริเย ปะมาเทนะ ทฺวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
อาจะริเย ปะมาเทนะ ทฺวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ที่วันนี้หนูรู้ตัวเพราะเหตุว่า... เมื่อวานคลิปพิจารณากายตอนจบเสร็จสมบูรณ์แล้ว วันนี้ยังไม่ตีสามหนูตื่นลงมาเดินกลับไปกลับมา และตั้งใจว่าจะเอาไฟล์เสียงอาจารย์ป้าหมอมาฟังใหม่... ทันทีที่เปิดฟัง หนูถึงเพิ่งรู้ตัวว่า 2 วันที่ผ่านมาหนูได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง
นึกถึงภาพพระพุทธเจ้าในหนังพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกขึ้นมา ที่กล่าวว่าเพิ่งได้กลิ่นดอกไม้ เราตื่นแล้ว วันนี้มันเป็นอย่างนั้น มันตื่น และเพิ่งได้ยินว่าองค์หลวงตาและอาจารย์ป้าหมอพูดถึงอะไรกันจริง ๆ
วันนี้เดินฟังไฟล์หมดไป 7 ไฟล์ต่อเนื่องกัน (ขาดอยู่ 2 ไฟล์เสียงที่องค์หลวงตาเมตตาส่งมาวันนี้เจ้าค่ะ) มันเข้าใจและเบิกบานในการฟัง “ธรรม” ช่างงดงาม
ที่หยุดฟังไฟล์เสียงก่อน เพราะอยู่ ๆ มันเห็นตัวมันเองที่ทุกข์ขึ้นมา อยากได้พระนิพพาน แต่มันไม่ทุกข์มาก ทุกข์แป๊บนึง น้ำตาคลอ ก็ดับไป ทุกข์แป๊บนึง น้ำตาคลอ ก็ดับไป เหมือนไฟของกระสือเลยเจ้าค่ะ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) แต่มันเนียน ๆ ข้างในมันบอก “ตัวสุขุม” เพราะตัวมันมีสติปัญญาในตัวมันเอง มันจะไม่มีอาการอะไรมาก และอาการจะอยู่ไม่นาน
พอบอกว่าอยากได้พระนิพพาน ก็เอ้า!!!เอาพระนิพพานไป ที่ทุกข์อยู่ดับหมด กลายเป็น “ตัวปกติ” มันไม่มีตัวที่จะกอดพระนิพพานไว้ได้
แล้วก็รู้ขึ้นมาว่า... “ตัวสุขุม” คือ สังขารตัวสุดท้ายเป็นเช่นนี้ อาการจะเนียน ๆ เปลี่ยนแปลงนิด ๆ หน่อย ๆ พอให้สังเกตเห็น และธรรมชาติ “ตัวสุขุม” เค้าปรุงแต่งตลอดเวลา (ตัวผลิตสังขาร) สังขารทุกตัวจะเหมือนไฟกระสือ เกิดแล้วดับ... เกิดแล้วดับ...
ซึ่งตอนนั้นชัดเจนว่าสังขารที่ปรุงออกมา ดับหมดทุกตัว แต่ “ตัวสุขุม” ผู้ผลิตยังอยู่ พอนึกแค่เนี้ย อยู่ ๆ มันก็รู้ขึ้นมาว่า ตัวผลิตสังขารจะยังมีอยู่ แต่ไม่มีผู้ยึด (ขนลุกฟรึ๊บ) มันก็งงว่าอ้าว!!! ยังอยู่เป็นตัวเป็นตน
มันก็รู้ต่อว่า... ถ้าไม่ยึด “สันตติ” มันจะขาด ความเป็นตัวเป็นตนจะหายไป ที่เป็นตัวขึ้นมาเพราะยึด ถ้าไม่ยึด มันไม่มีตัว มันไม่เป็นตัว เป็นแค่สิ่งเกิดดับ สิ่งกระพริบ (ขนลุก) มันจะยังปรุง จนกว่าจะตาย แต่ไม่มีตัวตนของผู้ปรุง (ขนลุกมาก) ความลับคือตรงนี้
แม้ขณะที่ยังเวียนว่ายตายเกิดก็ไม่ได้มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นเพียงจิตที่กระพริบเกิดดับต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนมองเห็นเป็นดวงจิต และเพราะยังมีเชื้อ (อาสวะ อนุสัย เหมือนเป็นเชื้อเพลิง) ให้ไฟยังคงกระพริบต่อเนื่อง จึงไปเกิดใหม่ตามบุญบาปที่สร้างไว้
น้ำตาร่วงระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ ระลึกถึงที่องค์หลวงปู่ทาบอกว่า... พระพุทธเจ้าคอยให้รางวัลเจ้าค่ะ
ตอนนี้ก็แค่ได้รู้ว่า “ความจริง” เป็นแบบนี้เจ้าค่ะ และถ้าฟังไฟล์เสียงใหม่วันนี้ หนูค่อยส่งการบ้านอีกทีนะเจ้าคะ
น้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงตาที่เมตตาอย่างหาประมาณมิได้ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ ให้อโหสิกรรมทั้งหมด
~~~~~~~~~~~~~~~~
โยม 2 : กราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
นี่เลยเจ้าค่ะ ใช่เลย!! ใจเค้ารับการบ้านพี่... อยู่ในใจทันทีเลยเจ้าค่ะ เหมือนมันอยู่ในใจแต่พูดออกมาไม่ถูกเจ้าค่ะ พอมีคนพูดปุ๊บ รับเลยเจ้าค่ะ ช่วงนี้อิ่มเอิบเบิกบานในพระธรรมจริง ๆ เจ้าค่ะ
(โยม 2 อ้างถึงข้อความที่โยม 1 ส่งการบ้าน)
“... ซึ่งตอนนั้นชัดเจนว่าสังขารที่ปรุงออกมา ดับหมดทุกตัว แต่ “ตัวสุขุม” ผู้ผลิตยังอยู่ พอนึกแค่เนี้ย อยู่ ๆ มันก็รู้ขึ้นมาว่า ตัวผลิตสังขารจะยังมีอยู่ แต่ไม่มีผู้ยึด (ขนลุกฟรึ๊บ) มันก็ งง ว่าอ้าว!!!ยังอยู่เป็นตัวเป็นตน
มันก็รู้ต่อว่า...ถ้าไม่ยึด “สันตติ” มันจะขาด ความเป็นตัวเป็นตนจะหายไป ที่เป็นตัวขึ้นมาเพราะยึด ถ้าไม่ยึด มันไม่มีตัว มันไม่เป็นตัว เป็นแค่สิ่งเกิดดับ สิ่งกระพริบ (ขนลุก) มันจะยังปรุง จนกว่าจะตาย แต่ไม่มีตัวตนของผู้ปรุง (ขนลุกมาก) ความลับ คือ ตรงนี้
แม้ขณะที่ยังเวียนว่ายตายเกิดก็ไม่ได้มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นเพียงจิตที่กระพริบเกิดดับต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนมองเห็นเป็นดวงจิต และเพราะยังมีเชื้อ (อาสวะ อนุสัย เหมือนเป็นเชื้อเพลิง) ให้ไฟยังคงกระพริบต่อเนื่อง จึงไปเกิดใหม่ตามบุญบาปที่สร้างไว้...”
และหนูเข้าใจว่าความอิ่มเอิบเป็นปีติสัมโพชฌงค์ ที่เกิดจากมีวิริยสัมโพชฌงค์ มีธัมมวิจยสัมโพชฌงค์พิจารณาใคร่ครวญธรรมภายในใจ เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
~~~~~~~~~~~~~~~~
องค์หลวงตาเมตตาส่งโอวาทธรรมเรื่อง อธิษฐานจิตก่อนฟังธรรม อ่านธรรมะ หรือปฏิบัติธรรม ซึ่งมีข้อความในภาพธรรมดังต่อไปนี้
“น้อมจิตระลึกถึงพุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พุทธะบารมี ธรรมะบารมี สังฆะบารมี รวมกับบุญบารมีที่เราได้ทำมาแล้วทั้งหมด
ข้าพระพุทธเจ้า ขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอถอนมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) อวิชชา (ความโง่ ความเขลา ความไม่รู้อริยสัจ) ทิ้งเสียทั้งหมดโดยถาวรสิ้นเชิงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
แล้วขอนอบน้อมใจรับเอา “พระธรรมแท้บริสุทธิ์” ที่ออกจากพระทัยอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า จากพระอริยสงฆ์ เข้าสู่ “ใจหรือจิตดั้งเดิม หรือ ธาตุรู้” โดยตรง ให้รู้แจ้งธรรมแท้ที่ใจ เป็นใจแท้ที่สิ้นกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน เป็นธรรมแท้บริสุทธิ์โดยอัตโนมัติตลอดเวลาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ”
หลวงตา : ขณะจิตที่ตั้งใจฟังธรรม อ่านธรรม ปฏิบัติด้วยใจนอบน้อมในพระธรรม ในพระพุทธ ในพระอริยสงฆ์ และผู้แสดงธรรม อันเป็นธรรมแท้ที่ออกมาจากใจหรือจิตดั้งเดิมบริสุทธิ์ หรือ ธาตุบริสุทธิ์ จะมีอานุภาพให้พบธรรมแท้ จิตหรือใจแท้ หรือ ธาตุรู้แท้ จนสิ้นอวิชชา กลายเป็นจิตบริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์ หรือ ธาตุรู้บริสุทธิ์ (นิพพาน)
ต่างกับขณะจิตที่ฟังผ่าน ๆ อ่านผ่าน ๆ หรือ ปฏิบัติผ่าน ๆ ราวฟ้ากับดิน
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
20 เมษายน 2563
~~~~~~~~~~~~~~~~