จากโอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงปู่ชา สุภัทโท เรื่อง บ้านที่แท้จริง
ให้โยมทำจิตให้อยู่กับลมหายใจ หายใจออกยาว ๆ สูดลมเข้ามายาว ๆ หายใจออกไปยาว ๆ แล้วก็ตั้งจิตขึ้นใหม่ แล้วก็กำหนดลมว่า พุทโธ พุทโธ โดยปกติถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อยมากเท่าไร ก็ยิ่งกำหนดลมเข้าให้ละเอียด ละเอียดเข้าไปมากเท่านั้นทุกครั้ง
เพื่ออะไรเพื่อจะต่อสู้กับเวทนาเมื่อมันกำลังเหน็ดเหนื่อยก็ให้โยมหยุดความคิดทั้งหลาย ให้โยมหยุดคิดอะไร ๆ ทั้งปวงเสียให้เอาจิตมารวมอยู่ที่จิต แล้วเอาจิตให้รู้จักลมภาวนาพุทโธ พุทโธ
ปล่อยวางข้างนอกให้หมด อย่าไปเกาะกับลูก อย่าไปเกาะกับหลาน อย่าไปเกาะกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวงทั้งนั้นให้ปล่อย ให้เป็นอันเดียว รวมจิตลงที่อันเดียว ดูลม ให้กำหนดลมเอาจิตนั่นแหละไปรวมอยู่ที่ลม คือให้รู้ที่ลมในเวลานั้น ไม่ต้องไปรู้อะไรมากมาย
กำหนดให้จิตมันน้อยไป ๆ ละเอียดไป ๆ เรื่อย ๆ ไปจนกว่าจะมีความรู้สึกน้อย ๆ มันจะมีความตื่นอยู่ในใจมากที่สุด
อันนี้เวทนาที่มันเกิดขึ้น มันจะค่อย ๆ ระงับไป ๆ ผลที่สุดเราก็ดูลมเหมือนกับญาติมาเยี่ยมเรา เราก็จะตามไปส่งญาติขึ้นรถลงเรือ เราก็ตามไปถึงท่าเรือ ไปถึงรถเราก็ส่งญาติเราขึ้นรถ เราก็ส่งญาติเราลงเรือ เขาก็ติดเครื่องเรือเครื่องรถไปลิ่วเท่านั้นแหละ
เราก็มองไปเถอะเมื่อญาติเราไปแล้ว เราก็กลับบ้านเรา เราดูลมก็เหมือนกันฉันนั้น เมื่อลมมันหยาบเราก็รู้จัก เมื่อลมมันละเอียดเราก็รู้จัก เมื่อมันละเอียดไปเรื่อย ๆ เราก็มองไป ๆ ตามไปน้อมไป ๆทำจิตให้มันตื่นขึ้น ทำลมให้มันละเอียดเข้าไปเรื่อย ๆ ผลที่สุดแล้วลมหายใจมันน้อยลง ๆ จนกว่าลมหายใจไม่มี
มันก็จะมีแต่ความรู้สึกเท่านั้นตื่นอยู่ นั้นก็เรียกว่าเราพบพระพุทธเจ้าแล้ว เรามีความรู้ตื่นอยู่ที่เรียกว่า พุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถ้าเป็นเช่นนั้นเราได้อยู่กับพระพุทธเจ้าแล้ว เราได้พบพระพุทธเจ้าแล้ว เราพบความรู้แล้ว เราพบความสว่างแล้ว มันไม่ส่งจิตใจไปทางอื่นแล้ว มันจะรวมอยู่ที่นั่น
นั้นเรียกว่า เข้าถึงพระพุทธเจ้าของเรา ถึงแม้ว่าท่านปรินิพพานไปแล้ว นั่นเรียกว่าพระพุทธรูป เป็นรูปกาย มีรูป
แต่พระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงนั้นก็คือ ความรู้อันสว่างไสว เบิกบานอย่างนี้ เมื่อพบเช่นนี้เราก็มีอันเดียวเท่านั้น ให้มารวมที่นี้
ฉะนั้นให้วาง วางทั้งหมดเหลือแต่ความรู้อันเดียว แต่อย่าไปหลงนะ อย่าให้ลืม ถ้าเกิดนิมิตเป็นรูปเป็นเสียงอะไรมา ก็ให้ปล่อยวางทั้งหมด ไม่ต้องเอาอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องเอาอะไร
เอาแต่ความรู้สึกอันเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ห่วงข้างหน้า ไม่ห่วงข้างหลัง หยุดอยู่กับที่ จนกว่าว่าเดินไปก็ไม่ใช่ ถอยกลับก็ไม่ใช่ หยุดอยู่ก็ไม่ใช่ ไม่มีที่ยึดไม่มีที่หมาย เพราะอะไรเพราะว่าไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีเราและไม่มีของของเรา…หมด
นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้า สอนให้เราหมดอย่างนี้ ไม่ให้เราคว้าเอาอะไรไป ให้เรารู้อย่างนี้ รู้แล้วก็ปล่อย ก็วาง
โอวาทธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท
บ้านที่แท้จริง
หนังสือ หมวด : น้ำไหลนิ่ง
ที่มา : http://anuchah.com/real-home/
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
โยมส่งการบ้านองค์หลวงตา หลังจากได้อ่านโอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงปู่ชา สุภัทโท
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
โยม : หนูอ่านบทธรรมข้างบนขององค์หลวงปู่ชาแล้ว รู้สึกเข้าใจถึงใจมากเจ้าค่ะ
หายสงสัยแล้ว และ ขอทำความเพียรต่อไปเจ้าค่ะหลวงตา
“นั้นคือที่สุดของธรรมชาติ” “จากความไม่มี กลับคืนสู่ความไม่มี” หนูพึ่งรู้แจ้งจากใจ คำ ๆ นี้ จากที่ได้ยิน ฟัง หลวงตาพูดบ่อย ๆ เจ้าค่ะ
“สุข ทุกข์...ฯ เกิดขึ้น เพราะมีสิ่งกระทบกัน ทุกอย่างเกิดเพราะมีเหตุมีปัจจัยอาศัยกันเกิดตามธรรมชาติ” จริง ๆ เจ้าค่ะ
“อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
กราบสาธุเจ้าค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตา : “ทุกอย่างเกิดเพราะมีเหตุปัจจัยอาศัยกันเกิดตามธรรมชาติ”
“เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี หรือ เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด
เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี หรือ เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ”
(อิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท)
เมื่อเหตุหรือปัจจัยยังมีอยู่ การเกิดย่อมยังมีอยู่
เมื่อสิ้นเหตุหรือปัจจัย การเกิดอีกย่อมไม่มี
ทุกสรรพสิ่ง เกิดจากความไม่มี แล้วก็ดับกลับคืนสู่ความไม่มี
“อวิชชาปัจจยา สังขารา สังขาราปัจจยา วิญญาณัง...... ฯลฯ”
เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) เป็นปัจจัย จึงหลงสังขาร เพราะหลงสังขารเป็นปัจจัย จึงทำให้เกิดวิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ และความทุกข์ทั้งมวล
หรือ หลงปรุงแต่งยึดถือขันธ์ห้า หรือ ร่างกาย จิตใจเป็นตัวตนคงที่ เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา จึงทำให้เกิด..... ภพ ชาติ ชรา มรณะ และความทุกข์ทั้งมวล
เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ สังขารดับ วิญญาณจึงดับ...... ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ และความทุกข์ทั้งมวลจึงดับพร้อม
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม : กราบเจ้าค่ะหลวงตา
ถ้าพิจารณา สายเกิด สายดับ (ของอิทัปปัจจยตา) มันถึงใจได้จริง ๆ เจ้าค่ะ เหมือนใจมันรู้เองว่า ทุกอย่างเกิดเพราะ มีเหตุและปัจจัยอาศัยกันเกิด (ธรรมชาติ) จริง ๆ ค่ะหลวงตา (ไม่มีเรา) ตรงไหนเลยเข้าค่ะ
กราบสาธุ ๆ ๆ เจ้าค่ะ
อยากกราบแทบเท้าองค์หลวงตาที่เมตตากรุณาหาที่สุดมิได้เจ้าค่ะ ขณะนี้รู้สึกใจมันตื้นตันเจ้าค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
7 มีนาคม 2563
หมายเหตุ : วีดีโอแนะนำจากยูทูป
“เพราะสิ่งนี้มี..สิ่งนี้จึงมี”
https://www.youtube.com/watch?v=goyx7YvpISs
~~~~~~~~~~~~~~~