โยม : กราบขอโอกาสองค์หลวงตาเจ้าค่ะ ขอส่งการบ้านจากการฝึก "อานาปานสติ" เจ้าค่ะ
สำหรับหนูตอนนี้ เข้าใจว่าเหตุที่ "อานาปานสติ" เป็นยอดกรรมฐานที่พบจากการภาวนา คือ ในขณะที่มีสติรู้ลมหายใจซึ่งเป็นเครื่องปรุงแต่งกาย และในขณะที่ลมหายใจเปลี่ยนแปลงเกิดดับ คือ เข้า ออก สั้นยาว หยาบ ละเอียด ลมหายใจหยาบ เวทนาก็หยาบ ลมหายใจละเอียด เวทนาก็ละเอียด
ก็มี "จิตตสังขาร" คือ เครื่องปรุงแต่งจิตที่เกิดดับ ๆ เปลี่ยนแปลง นึกตรึกตรอง
และ "ผู้รู้" หรือวิญญาณก็รับรู้ทั้งลมหายใจและ "จิตตสังขาร" ผู้รู้เองก็เกิดดับเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน
เป็นการพิจารณา ทั้งกายในกาย คือลมหายใจ เวทนาในเวทนาทั้งทางกายและทางใจ จิตตานุปัสสนา คือ จิตตสังขารที่เป็นเครื่องปรุงแต่งจิต "ธัมมานุปัสสนา" คือ ธรรมารมณ์และผู้รู้
ซึ่งทั้งหมดแสดงไตรลักษณะใน "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" และเมื่อโยงกับที่องค์หลวงตาสอน คือ ปล่อยให้ทุกอย่างมันเกิดเองดับเอง ก็จะเห็นกระบวนการทำงานที่ ไม่มีตัวตนใครอยู่ในกระบวนการนั้น มีแต่ธรรมชาติที่ทำงานสืบเนื่องเกิดดับไปเท่านั้น
แต่เบื้องต้นที่ฝึกใหม่ ๆ หนูก็ยังมีผู้รู้ตั้งอยู่เจ้าค่ะ แต่เมื่อมีสติต่อเนื่องอยู่ ก็จะเห็นว่าผู้รู้ที่ตั้งไว้ก็ไม่เที่ยงเดี๋ยวก็ไปรู้กายคือลม เดี๋ยวก็ไปรู้จิตที่พร็อบแพร็บ ๆ จะบังคับให้ผู้รู้อยู่กับลมตลอดไปก็ไม่ได้
เมื่อขณะที่ปฏิปทาในมรรคสมบูรณ์ ปัญญาก็จะเห็นในขณะนั้นว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เจ้าค่ะ
ตอนนี้ฝึกอยู่เช่นนี้ ผิดถูกอย่างไร กราบขอองค์หลวงตาเมตตาชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ อีกอย่างหนึ่งเจ้าค่ะที่หนูเห็น คือตอนที่ไม่ได้เป็นผู้รู้ตั้ง พ้นเจตนา ผู้รู้ทำงานร่วมกับเจตสิกแล้วปรุงแต่งขณะนั้นสติปัญญาเกิดขึ้นมารู้เท่าทันเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสังขารและผู้รู้ ดับลงที่จิตตรงขณะนั้นเลยเจ้าค่ะ ฟั๊บ! หายไปในความว่างเลยเจ้าค่ะ ความหลงปรุงแต่งและผู้รู้ดับไปพร้อมกัน
ทำให้เห็นชัด ๆ เลยเจ้าค่ะในตอนนั้นว่า อ้อ... ผู้รู้ก็ไม่เที่ยงเจ้าค่ะ แต่อันนั้นมันเกิดของมันเองเจ้าค่ะ ทำให้เกิดไม่ได้เลยเจ้าค่ะ
หนูไม่รู้ว่าเห็นผิดหรือเปล่าที่เริ่มรู้สึกว่า สุดท้ายสติปัญญาก็ยังเป็นตัวเคลื่อนไหวอยู่ดี ก็ยังทุกข์อยู่ดี เพราะมันคอยไล่ต้อนเหมือนแมวไล่หนูเลยเจ้าค่ะองค์หลวงตา โดยเฉพาะตอนนอนหลับไป หรือหนูเข้าใจผิดไปเอง
องค์หลวงตาเมตตาหนูด้วยเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตา : ต้องไม่เอาอะไร ไม่ปรารถนาอะไร หยุดปรุงแต่งพยายามทำอะไรเพื่อให้เป็นอะไรในปัจจุบัน
แล้วรู้แจ้งแก่ใจว่า กิริยาหรืออาการของจิตหรือของใจทุกปัจจุบันขณะ เกิดขึ้นมาจากความไม่มีอะไร แล้วก็ดับไป.... เกิดใหม่แล้วดับไป.... เกิดใหม่แล้วดับไป.......
สิ่งใดเกิดดับได้ สิ่งนั้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ เป็นทุกข์
สิ่งใดไม่เกิดดับ สิ่งนั้นพ้นจากทุกข์
***** ปล่อยวางความปรุงแต่ง คือ ขันธ์ห้า ได้แก่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สิ้นหลงปรุงแต่ง สิ้นยึดถือทั้งสังขารและวิสังขาร เพียงขณะจิตเดียว
ก็จะพบสิ่งที่ไม่เกิดดับ เรียกว่า จิตบริสุทธิ์ หรือ ใจบริสุทธิ์ หรือ ธาตุรู้บริสุทธิ์ มันเป็นใจที่เงียบ สงบ สงัด ว่างเปล่าอย่างที่สุด เพราะมันเป็นวิสังขาร อสังขตธาตุ อสังขตธรรม คือ เป็นธรรมชาติที่ไม่มีตัวตน ไม่ปรุงแต่ง ไม่ปรากฏอะไรเลย
มันเป็นความรู้แก่ใจเมื่อพบสิ่งนี้ และอยู่กับสิ่งนี้ตลอดกาล ซึ่งหลวงพ่อชา สุภัทโท กล่าวว่า มันเป็นบ้านที่แท้จริง เมื่อพบบ้านที่แท้จริง คือ "ใจที่บริสุทธิ์" ก็อยู่กับบ้านที่แท้จริงตลอดกาล เป็นอมตธาตุ อมตธรรม เป็นธรรมธาตุ
จะพยายามเอาเราหรือตัวเราไปอยู่กับใจบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดดับไม่ได้ ไม่อาจใช้สังขารกาย และสังขารจิต พยายามไปถึงสิ่งที่ไม่เกิดดับได้ และจะยึดถือเอาใจบริสุทธิ์มาเป็นของเราก็ไม่ได้
เพราะความคิดปรุงแต่งเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรานั้น เป็นสังขารปรุงแต่ง
จะต้องรู้เห็นด้วยใจว่าความเป็นเรา ตัวเรา ของเรา เป็นเพียงความคิดปรุงแต่ง ซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงจะสิ้นหลงสังขาร หรือสิ้นหลงยึดถือสังขารเป็นอัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
จึงจะพบใจ ถึงใจไม่สังขาร (วิสังขาร)
~~~~~~~~~~~~~~~
โยม : หนูก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีกเจ้าค่ะองค์หลวงตา ดิ้นไปดิ้นมา สุดท้ายก็เจอไม้ตะพดองค์หลวงตาหวดหน้าผากทุกทีไปเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ
~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
5 มีนาคม 2563
หมายเหตุ : ฟังไฟล์เสียงเพิ่มเติมประกอบโอวาทธรรมจากยูทูป
200222A-1 ทางปฏิบัติเพื่อห่างไกลจากโรคภัย
https://youtu.be/z3Obv4m6yOw
200227A ความสงบใจ
https://youtu.be/UGFevpYjUGg
200229A อานาปานสติสู่ทางพ้นทุกข์
https://youtu.be/dNeXV5dE7RA
200301A วิบัติของสังขารโลก
https://youtu.be/WVUWv0n4LoE
~~~~~~~~~~~~~~~